จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้ควบคุมตัวนายวัฒนาจากห้องเวรชี้ ชั้น 1 ศาลอาญาที่พิจารณาคำร้องฝากขัง ขึ้นมายังห้องพิจารณา 812 เพื่อให้ศาลไต่สวนกรณีนายวัฒนาเป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีละเมิดอำนาจศาลจากการประพฤติตนไม่เรียบร้อยบริเวณศาล กรณีที่ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายทอดสดเฟซบุ๊กไลฟ์ โพสต์ลงในเฟซบุ๊กส่วนตัวความยาวประมาณ 5 นาที ระหว่างระหว่างนั่งรอพนักงานสอบสวน ปอท.ยื่นคำร้องฝากขังที่ห้องงานรับฟ้องฝากขังชั้น 2 ซึ่งโดยปกติศาลมีข้อกำหนดห้ามบุคคลทำการถ่ายภาพภายในอาคารศาลเผยแพร่อยู่แล้ว
โดยเมื่อเวลา 16.20 น. ศาลได้มีคำสั่งว่า สอบถามนายวัฒนา ผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ยอมรับว่าได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพ ซึ่งต่อมาได้มีการเผยแพร่ลงในสังคมออนไลน์ ศาลเห็นว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำไปโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงเป็นการประพฤติตนไม่เหมาะสมและไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล อันเป็นการละเมิดอำนาจศาลตามประมวลวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 30, 31 และประมวลวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ศาลจึงให้จำคุก 1 เดือน และปรับ 500 บาท โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี และให้ผู้ถูกกล่าวหาลบโพสต์ในเฟซบุ๊กดังกล่าวด้วย
ภายหลังศาลมีคำสั่งแล้วนายวัฒนาได้ชำระค่าปรับ 500 บาท จากนั้นก็ได้มารอฟังคำสั่งการประกันตัวในชั้นฝากขัง โดยเมื่อเวลา 16.40 น. ศาลอาญาได้พิจารณาคำร้องและหลักทรัพย์ของนายวัฒนาที่ขอปล่อยชั่วคราวแล้ว จึงมีคำสั่งให้ปล่อยตัวนายวัฒนา ผู้ต้องหาคดีปลุกปั่นและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในชั้นฝากขังนี้ โดยตีราคาประกัน 200,000 บาท โดยมิได้กำหนดเงื่อนไขการประกันตัวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการตัดสินข้อกล่าวหานายวัฒนาละเมิดอำนาจศาลจากการทำเฟซบุ๊กไลฟ์บริเวณศาลโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น ถือเป็นคดีแรกที่เคยมีการกล่าวหาและลงโทษผู้ที่กระทำ หลังจากปัจจุบันสื่อโซเชียลมีเดียได้รับความแพร่หลาย