ชุมชนวัดขุนสมุทรจีน เป็นชุมชนสุดท้ายที่ยังไม่อพยพ และในพวกเขาจำเป็นต้องต่อสู้กับภัยธรรมชาติเหล่านี้
สิ่งที่ชาวบ้านที่นี่ทำคือ การสร้างเขื่อนกันคลื่น จากไม้ไผ่เพื่อไม่ให้น้ำทะเลกัดเซาะเข้ามามากกว่านี้ แต่ก็ดูจะไม่เป็นผล เพราะชายฝั่งยังคงหายไป 30 เซนติเมตรต่อเดือน
ความพยายามครั้งใหม่ของมนุษย์ที่จะต่อสู้กับภัยธรรมชาติ เริ่มขึ้นอีกครั้ง จากการออกแบบและหล่อเสาปูนเป็นแท่งสามเหลี่ยม ปักสับหว่างกัน 3 ชั้น เป็นเขื่อนกันคลื่น เมื่อปี 2550
ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ประธานสถาบันโลกร้อนศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เป็นเจ้าสิทธิบัตรโครงสร้างทางวิศกรรมนี้ เดินทางกลับมาที่นี่อีกครั้ง พร้อมข่าวดี เพราะนอกจากชายฝั่งหลังแนวกันคลื่นไม่ถูกกัดเซาะหายไปแล้ว ยังมีตะกอนทับถม เป็นแผ่นดินงอกใหม่ 1 2 เมตร ในเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
ในอดีตเขื่อนกันคลื่นที่ออกแบบไม่สอดคล้องกับธรรมชาติ ยิ่งซ้ำเติมปัญญาน้ำทะเลกัดเซาะให้รุนแรงมากขึ้น ความพิเศษของเขื่อนกันคลื่นเสาเหลี่ยมคือเป็นเขื่อนที่ปิดล้อมตะกอนดินให้กลับมาสะสมที่ชายฝั่ง
ดร.ธนวัฒน์ วิเคราะห์สาเหตุปัญหากัดเซาะชายฝั่งแล้วพบว่า ร้อยละ 68 เกิดจากแผ่นดินทรุด รองลงมาคือผลจากสภาวะโลกร้อนที่ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ขาดตะกอนดิน และการขุดลอกสันดอน
หากไม่ทำอะไรเลย ภายในเวลาไม่ถึงร้อยปี บางตำบลริมชายฝั่งอาจหายไปจากแผ่นที่ประเทศไทย