svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

วุ่นคนมาทำบุญวัดโสธรถูกล็อคล้อระนาว หลังแม่ค้าโบกรถเข้าที่ห้ามจอด

28 กรกฎาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ฉะเชิงเทรา-วุ่นในวันหยุดยาวต่อเนื่องนักขัตฤกษ์ หลังผู้คนเดินทางมาทำบุญที่วัดโสธรฯ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ล็อคล้อกันระนาว หลังมีแม่ค้าโบกรถขายดอกไม้ธูปเทียนแสบ แอบชักป้ายห้ามจอดออกก่อนโบกเรียกคนเข้าไปจอดรถในจุดห้ามจอด โอดเป็นคนมาจากต่างพื้นที่ไม่รู้ว่าสถานที่ใดจอดรถได้หรือไม่


วันที่ 28 ก.ค.60 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้มีประชาชนจากต่างจังหวัดที่เดินทางมาทำบุญไหว้พระภายในบริเวณวัดโสธรวราราม วรวิหาร อ.เมืองฉะเชิงเทรา จำนวนหลายราย ต่างแสดงความไม่พอใจต่อทางเจ้าหน้าตำรวจจราจร สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ที่ได้เข้าไปทำการล็อคล้อรถจับกุมรถยนต์ของประชาชน ที่บริเวณพื้นที่จอดรถด้านหน้าตลาดสดชุมชนข้างวัดโสธร ซึ่งเป็นบริเวณจุดทางโค้ง และมีป้ายห้ามจอดในช่วงระหว่างเวลา 08.00-15.00 น. จนทำให้ พ.ต.ท.กรชน์ แสงกนึก รอง ผกก.จร. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ต้องทำการเรียกกลุ่มประชาชนที่ไม่พอใจต่อการกระทำดังกล่าวไปเจรจาพูดคุยกัน ยังภายในห้องทำงานชั้น 3 ซึ่งระหว่างการพูดคุยเจรจากันนั้นได้มีข้อโต้แย้งและความเห็นที่ไม่ตรงกันของทั้งสองฝ่ายเป็นเวลานาน โดยต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจในเหตุและผลของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โดยมีสาเหตุมาจากแม่ค้าเรียกโบกรถเพื่อขายพวงมาลัย และดอกไม้ธูปเทียนหน้าวัด ได้เรียกโบกรถของประชาชนที่เดินทางมาทำบุญจากต่างพื้นที่ ให้เข้าไปจอดในบริเวณจุดห้ามจอดรถดังกล่าว พร้อมกับได้รับรองว่าจะทำการคอยช่วยดูแลรถให้ แต่เมื่อเจ้าของรถทำบุญไหว้พระเสร็จและเดินทางกลับมายังที่รถปรากฏว่ารถยนต์ของตนเองนั้นถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรมาทำการล็อคล้อเอาไว้แล้ว สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนผู้ที่เดินทางมาจากต่างพื้นที่กันอย่างถ้วนหน้า
โดยมีหลายรายนั้นต้องรีบเดินทางกลับไปก่อน จึงต้องจำใจยอมจ่ายเงินค่าปรับในราคา 1,000 บาท แต่ยังมีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ยินยอมรับในข้อกล่าวหาดังกล่าว จึงได้แสดงความไม่พอใจ และเหตุผลโต้แย่งข้อกล่าวหาของทางเจ้าหน้าที่ออกมา และได้ขอเข้าพบกับ พ.ต.ท.กรชน์ แสงกนึก รอง ผกก.จร. สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ดังกล่าว ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้มีการโต้แย้งกันอยู่เป็นเวลานานถึงเกือบ 1 ชม. ก่อนที่ทาง พ.ต.ท.กรชน์ จะยินยอมทุเลาค่าปรับลงมาให้เหลือรายละ 500 บาท ความวุ่นวายจึงจบลง
น.ส.นัฎศ์ชุดา พาลัย อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7/27 ม.16 แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กทม. กล่าวว่า ตนพร้อมครอบครัวจำนวน 6 คน โดยมีมารดาวัย 60 ปี พร้อมญาติ และลูกๆ อีก 2 คน ได้เดินทางมาทำบุญไหว้พระที่บริเวณวัดโสธร และจะเดินทางไปท่องเที่ยวรับประทานอาหารกันต่อในวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน จากนั้นจึงจะแวะไปเยี่ยมญาติในโรงพยาบาล แต่เมื่อมาถึงที่หน้าวัด เมื่อเวลา 11.30 น. ที่บริเวณโค้งด้านหน้าตลาด ได้มีกลุ่มแม่ค้าดอกไม้ธูปเทียนไหว้พระโบกรถให้เข้าไปจอด ตรงบริเวณลานจอดรถปากทางเข้าตลาดสดโสธรซึ่งตนนั้นไม่ทราบว่าเป็นจุดห้ามจอดรถเพราะไม่ได้มีเครื่องหมาย หรือแผ่นป้ายบังคับการจราจร หรือสัญญาณเตือนอะไรบ่งบอกว่าเป็นจุดห้ามจอดรถ เพราะตนเป็นคนที่เดินทางมาจากต่างพื้นที่ ซึ่งมาเข้าใจในภายหลังว่า กลุ่มแม่ค้าที่โบกรถขายดอกไม้นั้น น่าจะทำการยกแผ่นป้ายบังคับการจราจรห้ามจอดรถออกไป จึงทำให้ไม่มีใครทราบว่า พื้นที่ในบริเวณดังกล่าวเป็นจุดห้ามจอดรถ และเมื่อมาเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นจึงเสียความรู้สึก ทั้งที่ได้ตั้งใจพาครอบครัวเดินทางมาทำบุญไหว้พระกันแท้ๆ ทำให้เสียเวลา ที่ต้องมานั่งรอคอยเสียค่าปรับ และคนในครอบครัวรวมทั้งเด็กๆก็ยังคงต้องนั่งรอกันอยู่ที่ข้างถนน ข้าวปลาก็ยังไม่ได้กินกัน และเมื่อเราถูกล็อคล้อแล้ว พวกแม่ค้านั้นพากันหายหน้าไปหมดเลย แถมยังบอกกับเราอีกด้วยว่า ให้ลองไปคุยกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาเองอีกด้วย
ขณะที่ตำรวจจราจรในบริเวณนั้นก็ยังบอกตอบกลับมาว่า ก็ให้ไปคุยกับทางแม่ค้าเอาเองอีกเช่นกัน ทั้งที่เราเป็นคนที่มาจากที่อื่น ตำรวจทำงานกันอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้จึงน่าจะรู้กันดีว่า พื้นที่ตรงนี้มันเป็นอย่างไรมากกว่าประชาชนที่มาจากที่อื่นแล้วมาถูกกระทำแบบนี้ น.ส.นัฎศ์ชุดา กล่าว
ด้าน นายพชร เตชาภัทรปิติเลิศ อายุ 42 ปี ชาวเขตบางพลัด กทม. ประชาชนผู้ที่เดินทางมาทำบุญ และถูกทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการเขียนใบสั่งจับกุมกรณีจอดรถในที่ห้ามจอดอีกราย กล่าวว่า ในขณะที่ตนนำรถเข้าไปจอดในพื้นที่บริเวณดังกล่าว ไม่พบว่ามีแผ่นป้ายบังคับการจราจรว่าห้ามจอดรถมาตั้งไว้แต่อย่างใด จึงได้ขับรถเข้าไปจอด  ซึ่งหากมีป้ายบังคับการจราจรห้ามจอดบอก ก็คงไม่มีใครนำรถเข้าไปจอด เพราะแต่ละคนก็ต่างสอบทำใบขับขี่กันมาทั้งนั้น ตนรู้และเข้าใจในเครื่องหมายการจราจรดี แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ มันไม่ใช่ความผิดของประชาชนที่มาจากต่างพื้นที่แล้วไม่รู้เพียงฝ่ายเดียว แต่เมื่อมีคนมาโบกรถเรียกให้เข้าไปจอด ตนก็เข้าใจว่าอาจจะเป็นอาสาสมัครหรือจิตอาสาอะไรสักอย่างหนึ่ง ที่มาคอยอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาทำบุญในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งนี้ จึงได้ขับรถเข้าไปจอด
ขณะเดียวกันคนที่มาโบกรถเรียกให้เข้าไปจอดนั้น ยังบอกอีกด้วยว่าจอดได้ไม่เสียสตางค์ นอกจากนี้ตนก็ยังได้ดูแล้วว่า จุดที่ตนนำรถเข้าไปจอดนั้นไม่ได้ไปกีดขวางอะไรใคร พอกลับมาถึงรถจึงพบว่ารถถูกเขียนใบสั่งแปะติดหน้ารถกันทั้งหมดแล้ว นายพชร กล่าว

logoline