27 ก.ค.60 ที่สำนักงานคณะกรรมการป.ป.ช. นายสรรเสริญ พลเจียกเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงรวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินนายเกษม นิมมลรัตน์ ครั้งดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย แล้วมีมติว่านายเกษม มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ตามมาตรา 38 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ. 2542 รวมมูลค่า 186,620,637.76 บาท ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาในคดีให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติรวมมูลค่า 168,453,245.70 บาทตกเป็นของแผ่นดินตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 4 มาตรา 38 และมาตรา 83 แล้วนั้น
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบความถูกต้องและความมีอยู่จริงรวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สินของนายเกษมในตำแหน่งรองนายกอบจ.เชียงใหม่ และเลขานุการนายกอบจ.เชียงใหม่แล้วมีมติว่านายเกษม มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ ตามมาตรา 38 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในกรณีพ้นจากตำแหน่งรองนายกอบจ.เชียงใหม่ รวมมูลค่า 21,140,746.50 บาท ตามรายการดังต่อไปนี้ 1. ที่ดินที่อยู่ในชื่อของนายเกษม จำนวน 2 แปลง มูลค่าขณะได้มา 11,865,000 บาท คือที่ดินโฉนดเลขที่ 11777 ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 3 งาน 96.4 ตารางวา และที่ดินโฉนดเลขที่ 11783 ต.ริมใต้ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 3 งาน 95 ตารางวา 2.เงินลงทุนในการซื้อหุ้นบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) (ASCON)ที่อยู่ในชื่อของนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ คู่สมรส จำนวน 61,838,310 หุ้น มูลค่าขณะได้มาหุ้นละ 0.15 บาท คิดเป็นมูลค่ารวม 9,275,746.50 บาท
นายสรรเสริญ กล่าวว่า คณะกรรมการป.ป.ช.จึงมีมติให้ส่งเอกสารพร้อมรายงานผลการตรวจสอบไปยังอัยการสูงสุด (อสส.)เพื่อดำเนินคดีในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อให้ทรัพย์สินของนายเกษม และนางดวงสุดา ที่เพิ่มขึ้นผิดปกติตามรายการดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน ทั้งนี้ หากไม่สามารถบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินของนายเกษมตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้วให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของนายเกษม ตามนัยมาตรา 83 ของกฎหมายป.ป.ช.ด้วย