นักท่องเที่ยวแห่ เล่นน้ำสวนลุงพร หลังเป็นกระแสในโซเชียล

ผู้สื่อข่าวจึงได้เดินสำรวจโดยรอบ บริเวณลำธารคลองมะเดื่อหลังสวนลุงพร พบเห็นนักท่องเที่ยว เดินทางมา พักผ่อนเล่นน้ำได้มีการนำแคร่ลงไปตั้งอยู่บริเวณริมตลิ่ง และในน้ำ ซึ่งจัดการสังเกตและเฝ้าดูก็เห็นผู้ประกอบการ ก็พยายามที่จะบอกเตือน ให้กับนักท่องเที่ยว เริ่มการนำแพร่ไปตั้งในน้ำ แต่เป็นไปด้วยความยากลำบากเนื่องจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากและนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เองก็อยากที่จะมาสัมผัสธรรมชาติและชุ่มฉ่ำกับสายน้ำแบบใกล้ชิดโดยให้เหตุผลว่า ได้นำเด็กเล็กมาก็อย่างที่จะนั่งด้วยใกล้เพื่อเฝ้าดูเด็กเล่นน้ำ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่สวนลุงพร
บ้านของนายพงษ์ศักดิ์ กาลิก บุตรชายของลุงพรผู้ที่ทำหน้าที่ดูแล สถานที่แห่งนี้ได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเดิมทีสถานที่นี้เป็นแค่เพียงสวนที่พ่อของตนได้ปลูกผลไม้ ตามฤดูกาลส่งจำหน่ายตามตลาดแต่เนื่องด้วยสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาบวกกับผลผลิตที่ไม่ค่อยดี ตนเองจึงได้ มีแนวความคิดพัฒนาปรับเปลี่ยนรูปแบบของสวนให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เนื่องจากที่ดินของตนติดอยู่กับลำธารคลองมะเดื่อซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดต้นน้ำของน้ำตกวังตะไคร้ 
ตนเองได้เริ่มทำสวนลุงพรขึ้นมาเป็นระยะเวลา3 ปีแล้ว โดยคิดว่า น่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดีให้กับนักท่องเที่ยวอีกหนึ่งทางเลือก โดยปัจจุบันนี้ได้มีส่วนต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงกับตนได้เริ่มทำรูปแบบธุรกิจแบบนี้ขึ้นอีกกันหลายที่สำหรับตนธุรกิจนี้เป็นของครอบครัวเราทำกันแบบครอบครัวช่วยกันบริหารจัดการดูแลทุกอย่างเรามีกันเพียงไม่ถึง 10 คนแต่นักท่องเที่ยวมากกว่า 1000 คนต่อวันที่เดินทางมาท่องเที่ยว 
ทำให้การดูแลอาจเป็นไปได้ยากจนยอมรับการที่นักท่องเที่ยวนำแคร่ไปตั้งไว้ในลำธาร ว่าเป็นความผิดของตนที่ดูแลไม่ทั่วถึง เพราะต้องคอยดูแลในเรื่องของความสะอาดอย่างอื่น แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวทุกคนที่มาท่องเที่ยวในสถานที่นี้ มักจากเคารพ ในเรื่องของความสะอาดไม่ทิ้งขยะเกลื่อนกลาด ตนจึงไม่ค่อยห่วงในเรื่องของขยะที่จะไปกับน้ำ เพราะตนเองก็ต้องอาศัยลำน้ำแห่งนี้ในการดำรงชีพ
 แต่อย่างที่เห็นเมื่อนักท่องเที่ยวมาถึงก็อย่างที่จะนำแคร่ไปนั่งในน้ำเพื่อสัมผัสบรรยากาศสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำบางครั้งนักท่องเที่ยวเองก็มีการดื่ม เมื่อเราพยายามที่จะบอกอธิบาย ก็เกิดปัญหาเรื่องของการกระทบกระทั่งในคำพูด เราห้ามเขา แต่ก็ไม่เกิดผลสำเร็จจนกระทั่งมาเกิดเรื่องราวในโลกโซเชียลที่มีการโพสต์ ถึงเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้น
ตนเองยอมรับความผิด ที่เกิดขึ้นกับการที่ปล่อยปละละเลยให้มีแคร่ไปอยู่ในน้ำแต่ถ้าโดยภาพรวม ตนเองก็ไม่อยากที่จะเหนื่อยในการที่ต้องมาตามเก็บแคร่ขึ้นมาบนฝั่ง เพราะว่าเมื่อนักท่องเที่ยวนำออกไปแล้วก็มักที่จะไม่ยกกลับขึ้นมา และเมื่อ ตกกลางคืนเวลาน้ำป่ามาแคร่ก็จะถูกน้ำซัดหายไป ซึ่งตรงนี้เองก็จะเป็นการเพิ่ม ภาระของตนและทุกคนในการที่ต้องมาคอยเก็บแคร่ขึ้นมาบนฝั่ง แต่เราต้องเข้าใจเมื่อนักท่องเที่ยวส่วนมากต้องการที่จะสัมผัส กับน้ำในลักษณะแบบนี้
ซึ่งตอนนี้เอง หลังจากที่เกิดเรื่องที่มีการโพสต์ไปในกระแสโซเชียล ทางอำเภอเองก็ได้มีการแจ้งเตือนถึงเรื่องดังกล่าวกับตนพร้อมเน้นย้ำให้ช่วยดูแล ให้อยู่ในระเบียบ