svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"ป.ป.ช." ฟัน ก๊วนสรรพากรสมุทรปราการ โกงคืนเงินภาษี1.1พันล้าน พบตั้งบริษัทส่งออกแต่ไม่ประกอบการจริง

22 มิถุนายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ป.ป.ช." ฟัน "ก๊วนสรรพากรสมุทรปราการ" กับพวก รวมหัว ทุจริตคืนเงินภาษี กว่า 1.1 พันล้าน พบ แบ่งงานกันทำ ตั้งบริษัทส่งออก แต่ไม่ประกอบการจริง ก่อนยื่นเอกสารกำกับภาษีปลอม

22 มิ.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป.ป.ช. แถลงข่าวว่า คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนายพายุ สุขสดเขียว สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 นายป้อมเพชร วิทยารักษ์ นางศศิพิมพ์ บรรดาเสียง น.ส.อารีย์วรรณ เกาสุวรรณ์ เจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ และบุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐคือ นายสุวัฒน์ จารุมณีโรจน์ (อดีตสรรพากรพื้นที่กรุงเทพมหานคร) 
นายวีรยุทธ แซ่หลก น.ส.สายธาร แซ่หลก นายกิตติศักดิ์ อัญญโชติ และนายประสิทธิ์ อัญญโชติ กรณีร่วมกันทุจริตในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเท็จ จำนวน 1,113,034,083 บาท
นายสรรเสริญ กล่าวว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า กลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐ กับพวก มีการแบ่งงานกันทำเป็นขบวนการ โดยร่วมกันจัดหาราษฎรเพื่อไปขอจัดตั้งบริษัทส่งออก แต่ไม่มีการประกอบการจริง และดำเนินการออกใบกำกับภาษีเท็จ ทั้งที่ไม่มีการส่งออกสินค้าจริง แล้วนำหลักฐานใบกำกับภาษีปลอมไปยื่นขอคืนภาษีมูลค่าเพิ่มกับเจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 ที่ถูกกล่าวหาข้างต้น 
โดยในการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มนั้น เจ้าหน้าที่สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 ไม่ดำเนินการตรวจสอบตามระเบียบหลักเกณฑ์วิธีการที่กรมสรรพากรกำหนด เป็นเหตุให้มีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบ จำนวน 1,113,034,083 บาท
นายสรรเสริญ กล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติว่า นายพายุ นายป้อมเพชร นางศศิพิมพ์ และ น.ส.อารีย์วรรณ มีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 151 และ 157 ส่วนนายสุวัฒน์ นายวีรยุทธ น.ส.สายธาร นายกิตติศักดิ์ และนายประสิทธิ์ มีมูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิด
นายสรรเสริญ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้จากการไต่สวนยังพบว่า มีบุคคลที่ได้รับเงินภาษีมูลค่าเพิ่มโดยมิชอบ รวม 23 ราย แต่ไม่พบว่าบุคคลดังกล่าวร่วมกระทำความผิดกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า บุคคลทั้ง 23 ราย และนายสุวัฒน์ ได้รับเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ซึ่งอาจมีมูลความผิดฐานฟอกเงิน จึงมีมติส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อดำเนินคดีฐานฟอกเงิน รวมทั้งถือได้ว่าบุคคลดังกล่าว เป็นผู้มีเงินได้ จึงให้ส่งกรมสรรพากรเพื่อเรียกเก็บภาษีเงินได้ เงินเพิ่ม และเบี้ยปรับด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า บุคคลทั้ง 23 รายดังกล่าว มีชื่อของนายสุรพล เมฆะอำนวยชัย ผู้สอบบัญชีบริษัทของกลุ่มนายวีรยุทธด้วยหรือไม่ 
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ไม่ได้อยู่ในกลุ่มนี้ แต่ว่าได้ส่งพฤติการณ์ให้กับสมาคมผู้สอบบัญชี เพื่อพิจารณาหามาตรการต่อไปแหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยว่า สำหรับบุคคลทั้ง 23 รายดังกล่าว เป็นเอกชนทั้งหมด โดยเป็นตัวละครใหม่ที่ไม่เคยปรากฏเป็นข่าวมาก่อน ไม่มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มนายวีรยุทธ แต่พบว่ามีเส้นทางการเงินไหลเข้าเอกชนเหล่านี้ และไม่เชื่อมโยงกับกรณีการคืนภาษีมูลค่าเพิ่มล็อตใหม่ที่มีเอกชนผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย 

logoline