svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

น้ำตาลูกผู้ชาย... "พ่อ-ลูก"พลัดพราก 15 ปี ตร.-มูลนิธิกระจกเงาตามหาจนเจอ

02 พฤษภาคม 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 2 พฤษภาคม ที่กองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี กองบัญชาการตำรวจนครบาล (กก.ดส.บช.น.) พ.ต.ท.ปฏิศาสตร์ ศรีมณฑา รอง ผกก.ดส. พร้อมด้วย พ.ต.อ วาที อัศวุต หัวหน้ากลุ่มงานตรวจเลือดชีวเคมีและเขม่าดินปืน สถาบันนิติเวชวิทยา สถาบันนิติเวชวิทยา นายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ตำรวจ กก.ดส.บช.น. ตำรวจสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา ได้ร่วมกันแถลงข่าว

หลังจากได้ตามหาพ่อและลูกที่พลัดพรากจากบ้านไปนานกว่า 15 ปีกลับคืนสู่ครอบครัว พร้อมมี นายบุญธรรม พลายลมูน อายุ 54 ปี ผู้เป็นพ่อ และนาย อั้ม ลูกชาย
พ.ต.ท.ปฏิศาสตร์ กล่าวว่า การแถลงข่าวครั้งนี้สืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้ทางมูลนิธิกระจกเงา ได้ประสานตำรวจ กก.ดส.ว่ามีชายอายุประมาณ 25 ปี ประสงค์ตามหาครอบครัวที่แท้จริง เนื่องจากหนีออกจากบ้านตั้งแต่เด็ก โดยมีข้อมูลที่จดจำได้เพียงบางส่วนเกี่ยวกับชุมชนที่เคยอาศัยอยู่ ทางตำรวจจึงร่วมกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา ลงพื้นที่ชุมชนย่านตลาดศรีเขมา เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร ตระเวนเดินเท้าหาข่าวในชุมชนกระทั่งพบเบาะแสญาติของชายคนดังกล่าว จนสามารถติดตามหาบิดาจนพบ

น้ำตาลูกผู้ชาย...
"พ่อ-ลูก"พลัดพราก 15 ปี
ตร.-มูลนิธิกระจกเงาตามหาจนเจอ


ด้าน นายเอกลักษณ์ กล่าวว่า เมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา มีคนแจ้งเข้ามาผ่านกล่องข้อความในเฟซบุ๊คแฟนเพจ "ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา" ว่าต้องการตามหาครอบครัวของตน เนื่องจากตนหนีออกจากบ้านมาตั้งแต่วัยเด็ก หนำซ้ำยังจดจำชื่อนามสกุลจริงของตัวเองและคนในครอบครัวไม่ได้ จำได้เพียงชื่อเล่นของตนเองว่าอั้ม มีพ่อชื่อบุญธรรม และแม่ชื่อแมว บ้านอยู่ชุมชนริมทางรถไฟไม่ทราบชื่อ มีคลองหรือแม่น้ำใกล้ๆ และมีตลาดอยู่หลังชุมชน หลังได้รับข้อมูล จึงได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยรายละเอียดกับนายอั้ม ที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เนื่องจากนายอั้มทำงานรับจ้างอยู่ที่นั่น หลังจากปะติดปะต่อข้อมูลที่ได้มา จึงประสานงานไปยังตำรวจกองบังคับการตำรวจรถไฟ เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์สภาพชุมชนริมทางรถไฟ กระทั่งช่วงหลังห้วงเทศกาลสงกรานต์ ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา ได้ลงพื้นที่ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟ บริเวณชุมชนยมราช แต่ไม่มีใครรู้จักนายอั้มและครอบครัว จึงได้ประกาศข้อมูลประชาสัมพันธ์ผ่านเฟซบุ๊คแฟนเพจอีกรอบ กระทั่งมีพลเมืองดี แจ้งเบาะแสว่า จากข้อมูลน่าจะเป็นชุมชนริมทางรถไฟย่านตลาดศรีเขมา เขตบางซื่อ จึงได้ประสานงานมายังตำรวจกองกำกับการสวัสดิภาพเด็กและสตรี (กก.ดส) ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ต่อมาได้สามารถติดตามจนพบครอบครัวนายอั้มในที่สุด

น้ำตาลูกผู้ชาย...
"พ่อ-ลูก"พลัดพราก 15 ปี
ตร.-มูลนิธิกระจกเงาตามหาจนเจอ


นายเอกลักษณ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีครอบครัวเด็กหายอีกหลายครอบครัวที่บุตรหลานหายออกจากบ้านนานนับสิบปี ตนเองหวังว่าเด็กเหล่านั้นจะปลอดภัยและเติบโตมาจนมีโอกาสที่จะหาทางติดต่อกลับมาหาครอบครัว การกลับคืนสู่ครอบครัวครั้งนี้ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ครอบครัวที่บุตรหลานสูญหายยังมีความหวังในการได้ลูกกลับคืนมาสู่ครอบครัวอีกครั้ง
ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญนาย อั้มมา เข้ามาหานาย บุญธรรม (พ่อ)หลังจากไม่เจอกัน นานกว่า15 ปี ทันที ที่นายอั้มพบผู้เป็นพ่อได้โผลเข้าไปกอดพร้อมร่ำไห้ โดย นายอั้มกล่าวว่า ตนหนีออกจากบ้านมาตั้งแต่เด็ก จำความไม่ได้มากนัก มีเพื่อนชักชวนให้นั่งรถเมล์เล่น จึงออกมากับเพื่อนแล้วใช้ชีวิตขอทานอยู่ที่สนามหลวงและตรอกข้าวสาร ตกค่ำก็หาที่นอนใต้แผง คนขายCD กระทั่งเริ่มโตขอทานไม่ได้ จึงอาศัยเก็บของเก่าขายและอาศัยข้าววัดกิน โดยเมื่อ6ปีที่แล้ว เพื่อนชวนไปทำงานที่เขาเต่า อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงเดินทางด้วยรถไฟฟรีไปลงที่หัวหิน และเริ่มทำงานรับจ้างรายวันที่เขาเต่า เริ่มจากเป็นเด็กยกของขึ้นรถบรรทุก และมีอยู่วันหนึ่งเห็นเพื่อนที่ทำงานกลับบ้านไปหาครอบครัว ตนจึงเริ่มคิดถึงครอบครัว และอยากตามหา เพื่อกลับไปอยู่กับครอบครัว และเคยไปแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ทางตำรวจหาว่าตนเอง กุเรื่องขึ้นมาเพราะตนเองไม่มีเอกสารยืนยันแต่อย่างใด

น้ำตาลูกผู้ชาย...
"พ่อ-ลูก"พลัดพราก 15 ปี
ตร.-มูลนิธิกระจกเงาตามหาจนเจอ


นายอั้ม เล่าต่อว่า ตนไม่ได้เรียนหนังสือ จึงอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ อาศัยว่าตอนออกมาเร่ร่อนได้เล่นเกมส์ออนไลน์ จึงใช้คอมพิวเตอร์เป็น ตนเริ่มตามหาครอบครัวจากการใช้โปรแกรม Google โดยพูดใส่โปรแกรมด้วยเสียงให้แปลเป็นตัวอักษรเพื่อค้นหา โดยตนพูดชื่อตัวเอง และคำว่า "เด็กหาย" เพื่อหวังว่าจะพบประกาศตามหาตัวเองในอินเตอร์เน็ต ปรากฏว่า Google แสดงผลหน้า เฟซบุ๊คแฟนเพจ "ศูนย์ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา" ขึ้นมา ตนเห็นว่า เพจนี้มีคนติดตามมากกว่า สี่แสนคน คิดว่าน่าเชื่อถือ จึงส่งข้อความมายังเพจโดยการพูดใส่ google และคัดลอกตัวอักษรที่โปรแกรมแปลเป็นอักษร ทำให้สามารถสื่อสารกับทางเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงาอย่างเข้าใจ
"หลังจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา โทรไปหาตนว่า ตามหาครอบครัวของตนพบแล้วนั้น ตนตื่นเต้น และดีใจมาก จากนั้นได้รีบไปขอลางานเพื่อขึ้นมากรุงเทพฯ ตนดีใจที่ได้พบพ่ออีกครั้ง พร้อมทั้งอยากจะขอโทษสำหรับการหนีออกจากบ้านในวัยเด็ก ทั้งนี้ขอขอบคุณประชาชนทุกท่านที่ช่วยกันแชร์ข้อมูลของตน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิกระจกเงา ที่ทำให้ตนได้พบกับครอบครัวอีกครั้ง"ผู้เป็นลูกกล่าวทั้งน้ำตา

น้ำตาลูกผู้ชาย...
"พ่อ-ลูก"พลัดพราก 15 ปี
ตร.-มูลนิธิกระจกเงาตามหาจนเจอ


ขณะที่ นายบุญธรรม ผู้เป็นพ่อที่ปัจจุบันเดินไม่ค่อย เนื่องจากอยู่ในอาการป่วยโรคประจำตัว ได้เปิดเผยว่า เมื่อ15ปี ก่อนบุตรชายของตนได้หายออกจากบ้านไป ตนได้พยายามติดตามหาแต่ไม่พบตัว ประกอบกับตอนนั้นตนมีอาชีพขับรถประจำทางหาเลี้ยงครอบครัว จึงตามหาเท่าที่พอทำได้ ทุกวันนี้ป่วยเป็นเบาหวานและขาแขนอ่อนแรง ดีใจมากที่ลูกยังมีชีวิตอยู่ และพร้อมรับลูกกลับมาอยู่ด้วยกันในครอบครัว สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยกันพาลูกชายของตนกลับมาหาตนอีกครั้ง
ขณะที่ พ.ต.อ วาที กล่าวว่า ทางสถาบันนิติเวชวิทยา ได้รับการส่งตัวอย่างสารพันธุกรรมของนายอั้มและนายบุญธรรม จากมูลนิธิกระจกเงา ตรวจเปรียบเทียบแล้ว ตรงกัน จึงมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด โดยสถาบันนิติเวชวิทยาได้มีโครงการ ชื่อดีเอ็นเอโปรคิดส์ เป็นโครงการระหว่างประเทศเพื่อการต่อต้านการค้ามนุษย์ ด้วยการเก็บสารพันธุกรรมของพ่อ แม่ ที่ลูกหาย ไว้ในระบบฐานข้อมูล จากนั้นเมื่อมีการพบเด็กที่ไม่ทราบตัวบุคคลชัดเจน สงสัยว่าถูกลักพาหรือล่อลวงไป จะทำการตรวจสารพันธุกรรมของเด็ก เพื่อเปรียบเทียบกัน ซึ่งอยากเชิญชวนให้ผู้ปกครองที่บุตรหลานสูญหายได้มาเก็บตัวอย่างสารพันธุกรรมไว้ ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ โดยโครงการดังกล่าวไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

logoline