อดีตสาวค้ากามแฉมีเด็กมัธยม-ต่างด้าวเข้าวังวนค้าประเวณี

เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2560 ผู้สื่อข่าวได้ประสานสัมภาษณ์ นางสาวเค (นามสมมุติ) ชาวแม่ฮ่องสอน และได้ให้ข้อมูลว่า เคยเข้าวงการค้าประเวณีในจังหวัดแม่ฮ่องสอน เนื่องจากฐานะยากจน จึงตัดสินใจทำโดยติดต่อคนชื่อ จ. ทำได้ 2 ปี ก็ตั้งตัวได้ ต่อมาทำเอง ติดต่อเอง ลูกค้า เป็น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครู หมอ ทำได้ 3-4 ปี ก็เลิกค้าประเวณี

ต่อมาเมื่อปี 2559 เคยถูกตำรวจจับกุม โดยเพื่อนที่ชื่อ จ.ได้โทรหา ว่า มีเด็กไหม วันพรุ่งนี้มีเจ้านายภาค 5 จะมา ตนก็บอกว่าว่า ถ้าเป็นตำรวจตนจะไม่รับแขก เพราะไม่ไว้ใจ แต่ก็ถูกเพื่อนชื่อ จ.คะยั้นคะยอ ให้หาเด็กมาแทน ตนจึงไปสอบถามเพื่อนอีกคน ซึ่งมารดากำลังป่วยหนัก ต้องการใช้เงิน จึงได้ติดต่อไป และเพื่อนก็ตกลงกับหนู และได้ติดต่อคนชื่อ จ.ไปหลังจากนั้น คนชื่อ จ. ได้บอกว่า ให้รีบนำเด็กมาส่ง ลูกค้ากำลังรออยู่ โดยนัดหมายกันที่ สามแยกใกล้เรือนจำ หนูก็ถามว่าไปทำไมที่นั่น เพราะเป็นแหล่งคนพลุกพล่าน คนอื่นเห็นจะไม่ดี มันเปิดเผย ถ้าจะนัดกันก็ต้องไปในห้อง ซึ่งเป็นที่ลับตาคน ต่อมาคนชื่อ จ. ใช้หนูไปส่งเพื่อนที่จะให้บริการที่ โรงแรมร่มไม้ ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ใกล้กับ โรงเรียนอนุบาลบรรณวิทย์ ซอยขัวแดง 2แต่เมื่อนำเด็กไปส่งก็พบว่าลูกค้าที่จะใช้บริการ ไม่ได้เป็นคนสูงอายุ ตามที่กล่าวอ้างว่า เป็นผู้ใหญ่ในภาค 5

นางสาวเค กล่าวอีกว่า รู้สึกว่าลูกค้าน่าจะเป็นสายล่อของตำรวจ เพราะว่าคุ้น ๆ หน้า หลังส่งเด็กเสร็จหนูก็กลับ และโทรหาเพื่อนที่ชื่อ จ.เพื่อขอเงิน ค่าตัว จำนวน 2,500 บาท เพื่อที่จะเก็บไว้ให้เด็กที่ไปบริการทางเพศ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อ ได้ ต่อมาสักพัก เพื่อนที่ชื่อ จ. ได้โทรมา บอกว่ารออยู่ที่แยกเรือนจ ำเพื่อนำเงินค่าตัวเด็กมาให้ หนูก็รอเพื่ออยู่ตรงจุดนัดพบตั้งนานเพื่อนก็ไม่มา สักพักก็ถูกชาร์ทจับกุมตัวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนของ นายตำรวจคนหนึ่งชื่อ น. และถูกควบคุมตัวไปที่สนามยิงปืน และถูกยึดโทรศัพท์มือถือไม่ให้ติดต่อกับใครเลย และพบว่า การจับกุมดังกล่าว แทนที่จะนำตัวผู้ต้องหาไปโรงพัก แต่กลับนำตัวไปควบคุมที่สนามยิงปืน

เมื่อไปถึงสนามยิงปืน พบสายของตำรวจ ชื่อ อ. อยู่กับเจ้าหน้าตำรวจ และเสมือนเป็นคนวางแผนทั้งหมดในการล่อซื้อการค้าประเวณี และตำรวจมีท่าทางเกรงกลัวมาก โดยหนูถูกกักตัวไว้ที่สนามยิงปืนตั้งแต่ 21.00 น.ไปจนถึงเวลา 04.00 น. จึงได้มีการควบคุมตัวไปส่งพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองแม่ฮ่องสอน และได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาเงินมาวางบนโต๊ะ และบอกว่าขอความร่วมมือหน่อยแล้วให้หนูยืนชี้เงินและถ่ายรูปไว้ ทั้งที่การค้าประเวณี ยังไม่ได้มีการจ่ายเงินมาก่อนเลยอีกประการหนึ่งก็คือ ทางตำรวจมีการยึดโทรศัพท์มือถือและบังคับไม่ให้ติดต่อกับใคร ทั้งที่หนูมาถึงโรงพักแล้ว และต้องการติดต่อกับพ่อกับแม่ให้มาช่วยเหลือ

หลังจากคดีเสร็จสิ้น หนูถึงรู้ว่า ในการที่ถูกจับกุมดังกล่าว เป็นเพียงเกมส์ ที่เจ้าหน้าที่ ต้องการโยงเรื่องไปถึง ดาบตำรวจคนดัง เพื่อต้องการให้ เรื่องสอดคล้องกับการบีบบังคับเด็กให้ค้าประเวณี เพื่อให้กลายเป็นขบวนการค้ามนุษย์ เพื่อเอาผิดดาบตำรวจคนดังกล่าว ซึ่งหนูก็รู้จักดาบคนดังกล่าวเช่นกัน แต่ไม่เคยได้ข่าวเรื่องการบีบบังคับเด็กให้ค้าประเวณีแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม น้องเค กล่าวต่อไปว่า สำหรับการค้าประเวณีในตัวเมืองแม่ฮ่องสอน ส่วนใหญ่ เด็กจะยินยอม และสมัครใจเอง ไม่มีการบังคับหรือขู่เข็ญแต่อย่างใด เนื่องจากทุกคนที่เข้าวงการมีฐานะยากจน ไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง อีกประการหนึ่งแขกที่มาใช้บริการ จะเป็นผู้หลักผู้ใหญ่และเป็นข้าราชการระดับสูงทั้งสิ้น สำหรับเด็กสาวที่เข้าสู่วงการ ล่าสุด มีถึงเด็กนักเรียนระดับมัธยม ของโรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่ง , เด็กสาวที่เรียนอาชีวะ , เด็กที่เรียนสถาบันระดับอุดมศึกษาในพื้นที่ และ เด็กที่เป็นต่างด้าว ยังไม่มีบัตรประชาชนไทย

ส่วนใหญ่เด็กสาวที่กล่าวมาข้างต้น จะรู้ว่า มีร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งในใจกลางเมืองแม่ฮ่องสอน จะรับเป็นธุระจัดหาแขกให้ จึงพากันไปติดต่อ เพื่อขอรับรับงานเอง ซึ่งบางคนเมื่อรับงานหลายครั้งจนรู้จักกับแขกเพิ่มมากขึ้น ก็จะไม่กลับไปพึ่งแม่เล้าอีกต่อไป และจะรับงานโดยตรงกับแขกชั้นผู้ใหญ่ และเพื่อน ๆ ของแขกชั้นผู้ใหญ่ที่บอกต่อ ๆ กันไป ในส่วนของตำรวจเนื่องจากเมืองแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองเล็ก ๆ เมื่อมีนายมาตรวจราชการ ก็จะไปหาเด็ก และขอให้ไปรับแขกให้นาย ซึ่งเด็กส่วนใหญ่จะไม่กล้าปฏิเสธ เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งในเรื่องการค้าประเวณี ตนอยากให้ทางหน่วยงานภาครัฐจากส่วนกลางลงมาดูแลและแก้ไขปัญหาให้ถูกจุด และไม่อยากให้วงจรดังกล่าว ขยายเพิ่มมากขึ้นอีกต่อไป