svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ตา-ยาย เก็บเห็ด น้ำตานอง หวังศาลเมตตา 2 พ.ค. ตัดสินอย่างไร ยอมรับสภาพ

27 เมษายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

27 เม.ย. 60 - นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการ บ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในฐานะทนายความ นำนายอุดม และนางแดง ศิริสอน สองตายายเก็บเห็ดที่ตกเป็นจำเลยคดีร่วมกันบุกรุกแผ้วถางป่า จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อปี 2553 เดินทางเข้า พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.


         เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่คุ้มครองในช่วงที่จะมีการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 2 พ.ค. เนื่องจากเมื่อเดือน มี.ค.2559 มีข้าราชการหน่วยงานรัฐกว่า 10 นาย นำรถกระบะขับเข้าไปที่บ้านพักลักษณะข่มขู่ จึงหวาดกลัวเกรงจะไม่ปลอดภัย พร้อมขอให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าบุคคลที่บุกรุกป่าสงวนจังหวัดกาฬสินธุ์ เนื้อที่ 72 ไร่ และตัดไม้ต้องห้ามไปกว่า 700 ท่อน ก่อนจะโยนความผิดให้กับสองตายายนั้นเป็นใคร เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือไม่ รวมทั้งจากสถานะของจำเลยก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตัดไม้กันตามลำพัง 2 คน ในพื้นที่ 72 ไร่ นอกจากนี้ในรายละเอียดต่างๆ ก็ชี้ชัดว่า หลังจากมีการร้องขอให้ไต่สวนข้อเท็จจริงในคดีนี้ จำเลยทั้งสองก็ถูกข่มขู่คุกคามจนต้องมีการแจ้งความดำเนินคดี
          นายอุดม กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและน้ำตาคลอเบ้าว่า ตนกังวลเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ กลัวว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย ส่วนผลคำพิพากษาไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ตนก็พร้อมยอมรับและไม่คิดจะหนีไปไหน ซึ่งเรื่องการเก็บเห็ดนั้นทำมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ จึงไม่คิดว่าจะมีความผิด ตนได้แต่ภาวนาให้ศาลเมตตา และจะขอเอากำลังใจสู้ต่อไป
          นายสงกรานต์ กล่าวว่า ไม่ว่าการพิพากษาศาลฎีกา ในวันที่ 2 พ.ค.นี้ ผลจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ต้องเคารพคำตัดสินของศาล และต้องรับสภาพให้ได้ 
เบื้องต้นพล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้รับเรื่องดังกล่าว และสั่งการให้ตำรวจป่าไม้เข้าคุ้มครองความปลอดภัยสองตายายแล้ว จนกว่าจะถึงวันพิพากษา รวมถึงสั่งการให้ตำรวจป่าไม้ตรวจสอบหาบุคคลที่บุกป่าด้วย
          ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2553 นายอุดม และนางแดง เข้าไปเก็บเห็ดในป่าดงระแนง ต.หนองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งมีเนื้อที่ 72 ไร่ และอยู่ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติ และได้จอดจักรยานยนต์ทิ้งไว้ในพื้นที่ ต่อมาเจ้าหน้าที่ป่าไม้ได้ยกรถคันดังกล่าวไปตรวจสอบทะเบียนจนทราบว่ามีนายอุดมเป็นผู้ครอบครอง จึงมีการตั้งข้อกล่าวหาว่าทั้งสองบุกรุกและตัดไม้ในพื้นที่ป่าแห่งนี้รวม 72 ไร่ โดยมีตอไม้ถึง 700 ตอ และมีการแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.ยางตลาด แต่ระบุว่าทั้งสองได้บุกรุกป่าเข้าไปกระทำความผิดตั้งแต่วันที่ 12-19 ก.ค. 2553 รวม 8 วัน คดีนี้ได้มีการส่งฟ้องถึงชั้นศาล จนมีคำพิพากษาศาลชั้นต้นสั่งจำคุกจำเลย 30 ปี จำเลยรับสารภาพ ศาลจึงพิจารณาลดโทษลงกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 15 ปี พร้อมริบของกลาง และให้จำเลยทั้งสอง คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยทั้งสองออกจากป่าสงวนแห่งชาติที่เข้าไปครอบครอง
          ต่อมา จำเลยทั้งสองได้อุทธรณ์ว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง แต่ที่รับสารภาพเพราะหลงเชื่อบุคคลภายนอกว่า คดีดังกล่าวมีเพียงโทษปรับเท่านั้น และมีความบกพร่องทางการได้ยิน รวมทั้งการดำเนินการสอบสวนของพนักงานสอบสวนไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลอุทธรณ์ลงโทษสถานเบาและรอการลงโทษให้แก่จำเลยทั้งสอง
          อย่างไรก็ตาม ศาลได้เลื่อนคดีไปเพื่อสืบเสาะและพินิจจำเลยทั้งสองก่อนตามคำสั่งของศาลฎีกา และจำเลยทั้งสองก็ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างฎีกา ก่อนที่จะมีอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันที่ 2 พ.ค.นี้

logoline