"แม่น้ำขิง" ร้องดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ

ด้านนางน้ำเพชร กล่าวว่า วันนี้ตนมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจ ปคม. ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมามีคนที่เป็นข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับข้าราชการระดับสูง และดูงานด้านความมั่นคง โทรศัพท์เข้าหาตน ซึ่งเป็นการโทรผิด คาดว่าจะโทรหากลุ่มแม่เล้าที่เป็นกลุ่มผู้ต้องหา โดยข้าราชการคนดังกล่าวมีการพูดว่า จะช่วยเหลือต่างๆนานา พร้อมทั้งแนะนำให้ไปหาบุคคลหนึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ เพื่อวิ่งเต้นทางคดี ซึ่งตนมีการเปิดสปีคเกอร์โฟน และได้อัดคลิปเสียงไว้เป็นหลักฐานแล้ว เพื่อเตรียมมอบให้เจ้าหน้าที่ โดยข้าราชการคนดังกล่าวเคยเสนอตัวว่าจะช่วยเหลือตน ตั้งแต่ก่อนที่ตนจะมาแจ้งความที่ปคม. โดยขณะนั้นบอกให้ตนมอบหลักฐานทั้งหมดให้ ซึ่งเมื่อตนมอบให้แล้ว ไม่นานข้าราชการคนดังกล่าวก็โทรศัพท์มาบอกว่ากลุ่มผู้ต้องหาหนีไปประเทศพม่า ซึ่งตนก็ยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลยกระทั่งถึงทุกวันนี้
นางน้ำเพชร กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องที่ผู้ว่าราชการแม่ฮ่องสอนออกมาชี้แจงว่าไม่ได้ซื้อบริการทางเพศกับลูกสาวตนนั้น เรื่องนี้ลูกสาวตนเป็นคนบอกว่าผู้ว่าราชการคนปัจจุบันซื้อบริการเอง นอกจากนี้ในส่วนของตำรวจทั้ง 3 นาย ที่ตนระบุเมื่อวานนั้น อยู่ในส่วนของผู้ใช้บริการ นอกจากนี้ทางตำรวจยังได้นำรูปตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ย้อนหลังไป 2 ปี มาให้ผู้เสียหายชี้เพื่อตรวจสอบว่า มีใครร่วมกระทำความผิดอีกด้วย
"ที่ผ่านมาฉันทำงานเป็นสายลับให้กับตำรวจแม่ฮ่องสอน ไม่เคยอยู่บ้านเลย ต้องอยู่เซฟเฮ้าส์ตลอด ไม่สามารถบอกได้มากกว่านี้ ส่วนข้อมูลแม่เล้า 11 ซุ้ม ในจ.แม่ฮ่องสอน นั้น คือ แม่เล้า 11 คน แต่รู้จักกันหมด บางคนก็เป็นกะเทย และวันนี้มาให้ปากคำเพิ่มกับตำรวจ บก.ปคม. ส่วนที่ลูกสาวยังไม่ได้มาให้ปากคำนั้น เพราะขณะนี้อยู่ในความดูและคุ้มครองของเจ้าหน้าที่ที่ฉันเคยทำงานเป็นสายล่อซื้อยาเสพติดให้ ซึ่งฉันไว้ใจทีมงานมาก แต่ไม่เชื่อใจตำรวจชุดอื่นในการคุ้มครอง ซึ่งหากอยากสอบปากคำลูกสาวตน ต้องประสานไปทางชุดคุ้มครองอีกที" นางน้ำเพชร กล่าว