ค้นกุฏิหาศพ "หลวงพ่อมหายนต์" ที่หาย ญาติเชื่อฝีมือคนใน

หลังเกิดเหตุการณ์ศพพระครูโสภณธรรมาภิวัฒน์ หรือหลวงพ่อมหายนต์ อดีตเจ้าคณะอำเภอพังโคน จ.สกลนคร อายุ 79 ปีที่มรณภาพ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2560 และมีการตั้งศพในโลงเย็นเพื่อสวดพระอภิธรรม รอพิธีพระราชทานเพลิงศพในวันเสาร์ที่ 22 เม.ย. ที่วัดศิริมงคล บ้านหนองหญ้าปล้อง อ.พังโคน จ.สกลนคร แต่เมื่อเช้าวันที่ 19 เม.ย. จะมีพิธีขอขมาสรีระสังขาร และเคลื่อนขึ้นสู่เมรุชั่วคราว แต่ปรากฏว่า เมื่อเปิดโลงเย็นกลับพบว่าร่างหลวงพ่อหายไป พบเพียงหมอนที่มีผ้าเหลืองคลุมแบบอำพรางให้ดูคล้ายศพยังอยู่เท่านั้น

ล่าสุดวันนี้ทางวัดศิริมงคลได้แจ้งขอเลื่อนพิธีพระราชทานเพลงศพพระครูโสภณธรรมาภิวัฒน์ อย่างไม่มีกำหนด และในบ่ายวันนี้ญาติของหลวงพ่อที่ไปหาหมอดูเพื่อให้นั่งทางในติดตามศพหลวงพ่อ ได้รับการแนะนำจากหมอดูว่าศพหลวงพ่อยังอยู่ในวัดศิริมงคล แต่อยู่ในที่แคบๆ ญาติ โยม จึงเข้าไปตรวจสอบในกุฏิที่หลวงพ่อเคยจำวัด ที่เป็นกุฏิ2 ชั้นกึ่งปูนกึ่งไม้ถูกปิดไว้หลังมรณภาพและไม่มีพระรูปใดพักอาศัย พบว่าในบริเวณชั้นล่างมีกลิ่นเหม็น และพบด้านล่างที่ก่ออิฐเป็นอาสนะมีการโบกปูนบางส่วนขึ้นมาใหม่จึงมีการทุบปูนออก แต่ก็ไม่พบร่างหลวงพ่อ แต่กลิ่นเหม็นและทำให้เกิดอาการแสบตาก็ยังมีอยู่


และจากการสังเกตบริเวณผ้าเพดานชั้น1 พบว่ามีบางส่วนมีการเปลี่ยนแผ่นฝ้าใหม่ และคล้ายกับมีของหนักวางซ่อนอยู่ข้างใน ทำให้ชาวบ้านกรูเข้าไปในกุฏิเพื่อพิสูจน์แต่ตำรวจได้กันทุกคนออกจากกุฏิ เพื่อรอให้ตำรวจวิทยาการเข้ามาตรวจสอบว่าใต้ฝ้าเพดานเป้นศพหลวงพ่อที่ถูกนำมาซ่อนไว้หรือไม่( รอผลตรวจสอบ)
พระปลัดแดนสกล ปภาโส เจ้าอาวาสวัดตาลสุม บ้านตาลเลียน ต.ช้างมิ่ง อ.พรรณนานิคม จ.สกลนคร ซึ่งเป็นลูกหลานของ พระครูโสภณฯ และมาช่วยงาน เล่าว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 เม.ย. คณะกรรมการวัด ชาวบ้าน และพระจากวัดต่างๆ มาช่วยกันเตรียมย้ายร่างหลวงพ่อออกจากโลงเย็น เพื่อตกแต่งเตรียมพิธีขอขมา โดยได้ลากแผ่นรองที่นอนซึ่งมีผ้าจีวรคลุมร่างท่านไว้ออกมาจากโลง แต่พอเปิดจีวรที่คุลมร่างไว้ออกมาดูกลับพบมีเพียงหมอนที่วางเรียงกันทำเป็นลักษณะรูปร่างของคนนอน แต่ไม่พบร่างพระครูโสภณ สร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พังโคน เข้ามาตรวจสอบ
นางรัชนก เชื้อขาวพิมพ์ อายุ 41 ปี เครือญาติของหลวงพ่อมหายนต์ ที่ได้ช่วยดูแลจัดงานศพร่วมกับญาติและชาวบ้าน มาตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. บอกว่า รู้สึกงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาไม่มีสิ่งผิดปกติใดๆ เพราะจะคอยดูแลสถานที่เก็บกวาด จุดธูปเทียน ทุกวันจะกลับบ้านในเวลา 22.00 น. เป็นเวลากว่า 3 เดือน หลังเกิดเหตุได้ไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พังโคนไว้เบื้องต้นแล้ว ส่วนมูลเหตุของการขโมยร่างของหลวงพ่อไป นั้นยังไม่ทราบแน่ชัด แต่มั่นใจต้องเป็นฝีมือของคนในอย่างแน่นอน และตำรวจขอให้ยังไม่ให้ข้อมูลขอให้สืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดก่อน

นางรัชนก ตั้งข้อสังเกตว่าช่วงเวลาที่มีการขโมยศพหลวงพ่อมหายนต์ไปน่าจะเกิดขึ้นนานกว่า1เดือนแล้ว เพราะหลังจากเปิดโลงเย็นออกมา พบหยดน้ำที่แข็งตัวลงมาเกือบถึงผ้าจีวรที่ห่มหมอนไว้ ทำให้เชื่อว่ากลุ่มคนร้ายจะต้องมาดูลาดเลา จนมั่นใจว่ากลางคืนไม่มีคนนอนเฝ้า จึงลงมือมาขโมยศพ และนำหมอนมาวางแทนอย่างแนบเนียน จนผู้คนที่มาร่วมงานศพได้กราบไหว้หลวงพ่อหมอนแทน