รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการ ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. สมศักดิ์ ห่มม่วง ระบุ ได้ลงนามยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถโดยสารเอ็นจีวี 489 คัน มูลค่า 3,300 ล้านบาท กับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ปแล้ว
เพราะบริษัทไม่สามารถส่งมอบรถภายในกำหนดที่ระบุในสัญญา คือวันที่ 29 ธันวาคม 2559 และค่าปรับกรณีส่งมอบล่าช้าจนถึงขณะนี้สูงถึง 800 ล้านบาท หรือเกินวงเงินค้ำประกันคือ 330 ล้านบาทแล้ว
รักษาการ ผอ.ขสมก. บอกว่า หากปล่อยให้เหตุการณ์ยืดเยื้อต่อไป คาดว่าเบสท์รินจะยังไม่สามารถส่งมอบรถได้ครบ 489 คัน และขสมก.จะไม่มีรถโดยสารใหม่มาให้บริการ โดยฝ่ายกฎหมายจะดำเนินการกับบริษัทเรื่องค่าปรับที่สูงเกินวงเงินค้ำประกันต่อไป
ส่วนข้อพิพาทเรื่องแหล่งกำเนิดรถเอ็นจีวี ระหว่างเบสท์รินกับกรมศุลกากรนั้น เป็นเรื่องที่เบสท์รินจะต้องเจรจากับกรมศุลกากร
และกรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ ขสมก. ตรวจรับรถเอ็นจีวีจากเบสท์รินจำนวน 389 คัน ที่ได้นำออกจากอารักขาของกรมศุลกากรอนุญาตไว้ชั่วคราวจนกว่าศาลมีคำพิพากษา หรือมีคำสั่งเป็นอย่างอื่นนั้น แม้ ขสมก.จะตรวจรับ แต่สุดท้ายก็จะไม่สามารถตรวจรับได้ เพราะขัดกับสัญญาตามเหตุผลขั้นต้น ซึ่งขสมก.ได้อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองไปแล้ว
หลังจากนี้ ขสมก.จะทำหนังสือแจ้งเบสท์รินว่า ได้ทิ้งงาน ทำให้บริษัทไม่สามารถทำสัญญารับงานอื่นๆ ของภาครัฐได้อีก
ขสมก.จะรายงานให้คณะกรรมการรับทราบการบอกเลิกสัญญาในวันที่ 26 เมษายนนี้ พร้อมเสนอแนวทางจัดซื้อรถใหม่ให้ที่ประชุมพิจารณา โดยจะเสนอให้พิจารณารถโดยสารไฟฟ้าและรถโดยสารไฮบริด เพื่อเป็นแนวทางเลือก คาดว่าเงื่อนไขการประมูลหรือทีโออาร์จะแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนนี้
ด้านประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป คณิสสร์ ศรีวชิระประภา ยืนยันว่า บริษัทดำเนินการตามสัญญาทุกประการ และมีข้อสังเกตว่าในเมื่อศาลปกครองกลางสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ขสมก.รับมอบรถเอ็นจีวี แต่ขสมก.บอกยกเลิกสัญญาบริษัทได้อย่างไร ซึ่งจะใช้กระบวนการทางกฎหมายตรวจสอบว่าฝ่ายใดผิดฝ่ายใดถูก และบริษัทพร้อมจะฟ้องร้องคดีแพ่งและคดีอาญาควบคู่กัน