โดยวันนี้ (14 มี.ค.) เฟสบุ๊คของ หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) ได้โพสต์ข้อความระบุว่า... ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เมื่อเข้าไปในสำนักธรรมกายได้ ก็ถือโอกาสปรับเปลี่ยนปฏิรูปให้ถูกตรงต่อหลักพระธรรมวินัยเสียที
๑๔ มีนาคม ๒๕๖๐
เมื่อเจ้าคณะปกครอง สำนักพุทธ และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้เข้าไปประจำการอยู่ในสำนักธรรมกายทั้งที ก็ควรหาวิธีโน้มน้าวพฤติกรรมและคำสอนที่มันบิดเบือน บิดเบี้ยว หลุดออกไปจากหลักอริยสัจจ์ ให้กลับเข้ามาอยู่ในมรรควิถีที่ถูกต้อง จักได้ไม่หวนกลับมาเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินและพระธรรมวินัยอีก
และควรจะหาทางโน้มน้าวให้พวกสาวกออกจากลัทธิคลั่งอาจารย์ หันมาคลั่งหลักพระธรรมวินัย เพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งความเป็นพุทธบริษัทอันงดงามตามหลักพระธรรมคำสั่งสอน
อีกทั้งถือโอกาสตรวจตราพิสูจน์ทราบถึงคำอวดอ้าง ว่ามีพระทองคำเป็นแสนๆ องค์ ซึ่งได้จาการเรี่ยไร เจ้าหน้าที่ดีเอสไอลองไปตรวจสอบดูหน่อยก็ดีว่าเป็นทองจริงหรือทองปลอม เพราะมีคนที่เคยบริจาคเขามาร้องเรียนกับฉันว่า ทองคำที่เขาบริจาคไปถูกนำไปเล่นแร่แปรธาตุ จนกลายเป็นพระตะกั่วหุ้มทองไปแล้ว
อีกทั้งอะไรที่มันไม่ใช่วิถีชีวิตของสมณสารูป อะไรที่มันดูเลิศหรูอลังการงานสร้าง ไม่ใช่หนทางของสมณะ ก็ให้เปลี่ยนมาปฏิบัติให้ถูกตรงตาม ลักษณะตัดสินพระธรรมวินัยทั้ง ๘ ประการ ที่พระบรมศาสดาทรงวางเอาไว้ว่า
ธรรมเหล่าใดมิได้เป็นไปเพื่อ วิราคะ คือ ความคลายกำหนัด นั่นมิใช่ธรรมของพระพุทธเจ้าธรรมเหล่าใดมิได้เป็นไปเพื่อ วิสังโยค คือ ความหมดเครื่องผูกรัด นั่นมิใช่ธรรมของพระพุทธเจ้าธรรมเหล่าใดมิได้เป็นไปเพื่อ อปจยะ คือ ความไม่พอกพูนกิเลส นั่นมิใช่ธรรมของพระพุทธเจ้าธรรมเหล่าใดมิได้เป็นไปเพื่อ อัปปิจฉตา คือ ความอยากอันน้อย นั่นมิใช่ธรรมของพระพุทธเจ้าธรรมเหล่าใดมิได้เป็นไปเพื่อ สันตุฏฐี คือ ความสันโดษ นั่นมิใช่ธรรมของพระพุทธเจ้าธรรมเหล่าใดมิได้เป็นไปเพื่อ ปวิเวก คือ ความสงัด นั่นมิใช่ธรรมของพระพุทธเจ้าธรรมเหล่าใดมิได้เป็นไปเพื่อ วิริยารัมภะ คือ การประกอบความเพียร นั่นมิใช่ธรรมของพระพุทธเจ้าธรรมเหล่าใดมิได้เป็นไปเพื่อ สุภรตา คือ ความเลี้ยงง่าย นั่นมิใช่ธรรมของพระพุทธเจ้า
ท่านทั้งหลายลองพิจารณาลักษณะตัดสินพระธรรมวินัยทั้ง ๘ ประการ นำมาเทียบดูกับพฤติกรรมและคำสอนของลัทธิธรรมกาย ก็จะรู้ว่าลัทธินี้เป็นธรรม เป็นวินัย เป็นพระพุทธศาสนาหรือไม่
พุทธะอิสระ"
ขอบคุณ เฟสบุ๊ค หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara)