Big Data กำลังจะสร้างโอกาสมหาศาล และกำลังบั่นทอนองค์กรหัวโบราณ

การสร้างและการบริโภคข้อมูลในปัจจุบัน มีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและดูเหมือนจะไม่มีท่าทีที่จะหยุดยั้งได้ ทำให้ต้องมีการลงทุนสำหรับการวิเคราะห์และประมวลผล Big Data จึงทำให้ธุรกิจในส่วนของฮาร์ดแวร์ ซอฟท์แวร์ และการให้บริการ เติบโตมากขึ้นตามไปด้วย 
ข้อมูลที่มีจำนวนมหาศาลที่วิ่งอยู่บนเครือข่ายต่างๆ ทำให้เราสามารถนำเอาข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อประโยชน์ได้ในหลายมิติ จนทำให้เกิดการเรียนรู้แบบ Deep Learning ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ AI กำลังเป็นเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มจะมาแรง โดยจะมีผลกระทบต่อ business model ในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งบริษัทใหญ่ๆ อย่างเช่น Google, Facebook, Baidu, Amazon, IBM, Intel และ Microsoft ต่างเริ่มมีการลงทุนมหาศาลในด้านนี้ เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ และสร้างขีดความสามารถขององค์กร 
ปัจจุบัน อุตสาหกรรมด้าน IT กำลังจะนำฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่เป็นเทคโนโลยีด้าน AI ออกสู่ตลาด จึงทำให้ความสนใจและการลงทุนในเทคโนโลยี AI มีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้เกิดเครื่องมือใหม่ๆ สำหรับรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกิดขึ้นมากมาย
จากการวิเคราะห์คาดการณ์ของสถาบันวิจัยต่างๆ เช่น the International Institute for Analytics (IIA), IDC และ NewVantage Partners เกี่ยวกับตลาด Big Data Analytics ได้พบข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้
(1) ตลาดสำหรับการให้บริการในการวิเคราะห์ Big Data จะเพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดย IDC ระบุว่า รายได้ทั่วโลกสำหรับการวิเคราะห์ Big Data และการวิเคราะห์ทางธุรกิจ จะเติบโตจาก 130,100  ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2016 เป็นมากกว่า 203,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2020 ซึ่งมีอัตราเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) อยู่ที่ 11.7% นอกจากนี้ ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีการลงทุนขนาดใหญ่ คือประมาณเกือบ 17,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2016 โดยภาคธนาคารจะมีการเติบโตของการลงทุนด้านนี้รวดเร็วที่สุด 
(2) Big Data จะสามารถสร้างรายได้จากข้อมูลอันมหาศาล โดยการวิเคราะห์ของ IDC ระบุว่าในช่วงปลายปี 2017 การเติบโตของรายได้จากผลิตภัณฑ์ด้านข้อมูล จะเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่าของกลุ่มผลิตภัณฑ์/บริการในส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล นอกจากนี้ข้อมูลดิบและ Content ที่หลากหลาย จะถูกซื้อขายในตลาด หรือในการทำธุรกรรมระหว่างองค์กร โดยในองค์กรต่างๆจะเริ่มพัฒนาวิธีการในการประเมินมูลค่าของข้อมูลในองค์กร ซึ่ง "การสร้างรายได้จากข้อมูล" จะกลายเป็นแหล่งที่มาของรายได้ โดยจะมีข้อมูลเกิดขึ้นในโลกประมาณ 180 zettabytes หรือ 180 ล้านล้านกิกะไบต์ ในปี 2025 
(3) การสร้างวัฒนธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจะยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทาย โดยองค์กรส่วนใหญ่ เริ่มต้นสร้างวัฒนาธรรมที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล จากการสำรวจประจำปีของ NewVantage Partners พบว่าผู้บริหารระดับสูงขององค์กรส่วนใหญ่มีความเห็นว่า เทคโนโลยีไม่ได้เป็นประเด็นปัญหาในการขับเคลื่อน Big Data ในองค์กร แต่ปัญหาทางด้านความรู้ความเข้าใจด้านการบริหารจัดการ การจัดระเบียบองค์กร และการต่อต้านในองค์กร ล้วนเป็นสาเหตุที่เป็นอุปสรรคขององค์กรในการขับเคลื่อน Big Data ซึ่งหากองค์กรใดๆ ไม่สามารถนำเอา Big Data มาใช้ให้เกิดประโยชน์ในการขับเคลื่อนกลยุทธ์ได้ทัน ก็อาจสูญเสียความสามารถในการแข่งขันและอาจจะต้องเสียตำแหน่งในตลาดในที่สุด
(4) คลาวด์ จะเข้ามาแข่งขันกับผู้ให้บริการวิเคราะห์ข้อมูลแบบดั้งเดิม  ซึ่งการวิเคราะห์ของสถาบัน The International Institute for Analytics (IIA) พบว่าความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลในรูปแบบคลาวด์ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ใช้จะได้รับประโยชน์จากผู้ให้บริการคลาวด์มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ในทำนองเดียวกัน IDC ได้คาดการณ์ว่าภายในปี 2018 แบบจำลองการวิเคราะห์บนระบบคลาวด์  จะมีมูลค่าพิ่มขึ้นไปถึง 5 เท่า 
(5) Chief Data Officers (CDO) จะนำข้อมูลในองค์กรมาสร้างรายได้  ซึ่งจากการวิเคราะห์ของ NewVantage Partners พบว่า ทุกวันนี้ผู้บริหารระดับสูงส่วนใหญ่ต่างมองเห็นบทบาทของ Chief Data Officer (CDO) ว่ามีบทบาทสำคัญขึ้นอย่างมาก และเพื่อให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้า CDO ควรจะต้องผลักดันนวัตกรรมและสร้างวัฒนธรรมในการขับเคลื่อนองค์กรด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างจริงจัง
(6) นักวิเคราะห์ข้อมูล กำลังจะขาดแคลนและเป็นที่ต้องการรายงานเกี่ยวกับ Big Data ในปี 2011 ของสถาบัน the McKinsey Global Institute (MGI) พบว่า ผู้เชี่ยวชาญด้าน Data science กำลังจะขาดแคลน โดยมีการคาดการณ์ว่าในปี 2018 จะมีผู้เชี่ยวชาญด้าน Data science ในสหรัฐฯ ประมาณ 140,000 - 190,000 คน เป็นผู้มีทักษะในการวิเคราะห์เชิงลึก ซึ่งไม่พอต่อความต้องการ
อย่างไรก็ตาม องค์กรส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจถึงความเร่งด่วนและความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลมากนัก และดูเหมือนว่าจะเป็นในหลายอุตสาหกรรม และหลายองค์กร ดังนั้น องค์กรต่างๆ ควรที่จะมีความกระตือรือร้นและวิเคราะห์ถึงผลกระทบทางดิจิทัลอย่างลึกซึ้งมากขึ้น และกำหนดยุทธศาสตร์ดิจิทัลที่ชัดเจน แต่สุดท้าย ก็เป็นสิ่งที่ผู้นำองค์กรหรือ CEO จะต้องตัดสินใจว่าองค์กรควรจะไปในทิศทางใด และจะอยู่รอดหรือจะกลายเป็น Kodak รายต่อไป

 Reference : https://www.forbes.com/sites/gilpress/2017/01/20/6-predictions-for-the-203-billion-big-data-analytics-market/#4828c3ba2083------------------พ.อ.ดร.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณรองประธาน กสทช. และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม
www.เศรษฐพงค์.com-------------------LINE id : @march4g-------------------