จากการสอบสวนน.ส.วีรวรรณเล่าว่า วันหยุดเลยมานั่งกินกับนายศุภเลิศ เพราะมากันเป็นประจำก่อนเกิดเหตุมีขบวนขันหมากที่แห่บนถนนห่างจากจุดที่ผู้ตายนั่งประมาณ 50 เมตร และได้ยินเสียงปืนดังหลายนัดตลอดเวลาที่ขบวนแห่อยู่ก็บอกแฟนว่าอย่าพึ่งกลับรอให้ขบวนขันหมากไปก่อน แต่จู่ๆในขณะที่เสียงปืนยังไม่สงบแฟนของตนเองก็ล้มลงไปกับพื้น
ด้านนายศุภเลิศ เล่าว่า ผู้ตายนั่งคุยกับตนอยู่ระหว่างนั้นมีขบวนขันหมากและมีเสียงปืนดังหลายนัดสักพักในขณะที่เสียงปืนยังดังอยู่ ผู้ตายลุกขึ้นยืนแล้วร้องโอ้ยก่อนล้มลงตนเองได้ไปตะโกนบอกขบวนขันหมากว่าหยุดยิง แต่ขบวนขันหมากไม่ยอมหยุดแต่พอรู้ว่าโดนชาวบ้านจึงหยุดยิง ตนจะพยายามจะพาคนเจ็บไปส่งโรงพยายาลแต่ไม่ทัน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปที่งานแต่งงานซึ่งจัดที่บ้านเลขที่ 14/2ม.4ห่างจากจุดผู้เสียชีวิตไม่ใกล้กันห่างประมาณไม่ถึง 100 เมตร เพื่อไปสอบสวนคู่บ่าวสาว และเพื่อนร่วมงานถึงคนที่ยิงปืนแต่ในเบื้องต้นทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาว รวมทั้งเพื่อนไม่ยอมให้ข้อมูลอะไรและปฏิเสธไม่รู้ว่าใครยิงปืน
นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปเก็บปลอกกระสุนบริเวณถนนที่ขบวนขันหมากแห่พบปลอกกระสุนจำนวนหลายสิบปลอกและมีหลายขนาดทั้งขนาด 11 มม.9 มม. .38 รวมทั้งหัวกระสุนเกลื่อนถนนไปหมดจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
พ.ต.อ.อนันต์ ภู่ระหงษ์ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่กล่าวว่า เบื้องต้นคาดว่าคนยิงจะเกิดความตกใจแล้วหนีไป ได้ประสานไปทางเจ้าของงานแต่งแล้วให้พามือปืนมามอบตัวทั้งหมดที่ยิงปืนหากไม่มาก็จะดำเนินการกับคู่บ่าวสาวด้วยเพราะปล่อยให้มีการยิงปืน ส่วนผู้ตายจะโดนปืนขนาดไหนยิงนั้นต้องรอพิสูจน์ส่วนคนที่ยิงปืนในงานต้องถูกดำเนินคดีตามกฏหมายทั้งหมดเช่นกัน