ศาลอาญาฝากขังครั้งแรก"ไซซะนะ"นายทุนค้ายาบ้าข้ามชาติ

   ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.อ.เอกราช ปริยกรกร พนักงานสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน และตรวจสอบทรัพย์สิน บช.ปส. ควบคุม นายไซซะนะ แก้วพิมพา ( MR.XAY SANA KEOPIMPHA) อายุ 41 ปี สัญชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปปล.) ผู้ต้องหาคนสำคัญคดียาเสพติดตามหมายจับศาลอาญาลงวันที่ 9 ม.ค.60 มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรก เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. 3 ก.พ.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบปากคำพยานอีก 7 ปาก และต้องรอผลการตรวจสอบประวัติการต้องโทษกับรวบรวมพยานหลักฐานอื่นเพื่อประกอบสำนวนการสอบสวน โดยพนักงานสอบสวน ได้ขอคัดค้านการให้ประกันตัวผู้ต้องหาด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เกรงว่า หากได้รับการประกันอาจจะหลบหนียากแก่การติดตามตัวมาดำเนินคดี  โดยคำร้อง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า ช่วงเที่ยงเมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน ได้รับตัวและควบคุมผู้ต้องหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ซึ่งถูกจับกุมได้ตามหมายจับข้อหา สมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ ซึ่งระหว่างวันที่ 28 ก.ย.59 - 21 ม.ค. 60 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการ ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายสำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) ชื่อ นายชุมพร พนมไพร และนายไกรราช สุภาพ ที่มีพฤติการณ์ลักลอบขนยาเสพติดจากพื้นที่ สปปล. ด้านติดต่อกับ จ.หนองคาย เข้ามาจำหน่ายให้ลูกค้าในพื้นที่ภาคใต้ และประเทศมาเลเซีย ซึ่งมีนายทรรศพล พลธี , นายไพฑูรย์ ทองเสม ( ซึ่งเป็นพี่เขยของนายนายไกรสร สุภาพ) และน.ส.เกศญาณัฐฐ์ ธงวาด ( ภรรยาคนที่ 2 ของนายไพฑูรย์) ผู้เกี่ยวข้องในการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ส่งมอบให้ลูกค้าตามคำสั่งของนายชุมพร และนายไกรราช อย่างต่อเนื่องเป็นประจำ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้เฝ้าสังเกตการณ์    กระทั่งวันที่ 30 ก.ย.59 ชุดปฏิบัติการจึงได้ควบคุมนายทรรศพล พร้อมด้วยรถตู้ ที่ดัดใต้ลังคารถตู้ ซุกซ่อนยาบ้า 1.2 ล้านเม็ด มูลค่า 120 ล้านบาทที่ขนมาจาก จาก สปปล. มาจนถึงบริเวณด่านตรวจ ยาเสพติด อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เตรียมไปส่งให้ลูกค้าที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ต่อมาจึงได้ขยายผลสามารถควบคุมนายไพฑูรย์ และ น.ส.เกศญาณัฐฐ์ และนายนิอุสมัน ประจู พร้อมยาของกลางเมื่อวันที่ 2 ต.ค.59 ที่ลานจอดรถโรงแรมคริสตัน หาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนส่งให้พนักงานสอบสวน บช.ปส.ดำเนินคดี ซึ่งต่อมาพนักงานสอบสวน ได้รวบรวมพยานหลักฐานทราบว่า นายไซซะนะ ผู้ต้องหา มีส่วนร่วม การกระทำผิดด้วย โดยแบ่งหน้าที่กันทำ และยังเป็นนายทุนผู้ว่าจ้าง กับเจ้าของยาเสพติดด้วย จึงของศาลออกหมายจับ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ขณะเดินทางมาจากภูเก็ต ซึ่งพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา สมคบกันกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดและได้มีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดฯ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พ.ศ.2519 มาตรา 14 ชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา โดยเป็นคดีเครือข่ายใหญ่ ซึ่งพัวพันกับเครือข่ายยาเสพติดข้ามชาติ ซึ่งใช้พื้นที่ประเทศไทยเป็นทางผ่านในการขนส่งยาเสพติดโดยขนส่งจาก สปป.ลาว ไปยังประเทศมาเลเซีย เป็นจำนวนหลายล้านเม็ด และเป็นเครือข่ายที่มีทรัพย์สินที่ได้จากการค้าขายยาเสพติดที่ต้องตรวจสอบเป็นจำนวนมาก เพื่อขยายผลไปถึงผู้บงการ ขบวนการเครือข่ายเจ้าของยาเสพติด อีกทั้งนายไซซะนะ ผู้ต้องหา ยังมีทรัพย์สินที่ได้จากค้ายาเสพติดอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นพนักงานาสอบสวน จึงต้องยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องนี้ไว้ก่อน  ทั้งนี้ศาลพิจารณาคำร้องและสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้