สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานถุงยังชีพช่วยราษฎร จ.นราธิวาส น้ำท่วมเริ่มทวีความรุนแรง
สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับสภาวะน้ำท่วมจากพื้นที่ จ.นราธิวาส แจ้งว่า บรรยากาศโดยทั่วไปยังคงมีฝนตกลงมาแพร่ปกคลุมพื้นที่ทั้ง 13 อำเภอหนักและเบาบางเป็นช่วงๆ ส่งผลทำให้แม่น้ำสายหลักทั้ง 3 สาย คือ แม่น้ำสุไหงโกลก สายบุรีและบางนรา มีปริมาณล้นตลิ่งอย่างต่อเนื่องและไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของประชาชนที่ปลูกสร้างในพื้นที่ราบลุ่มทั้ง 13 อำเภอ ซึ่งหนักที่สุดและทวีความรุนแรง คือ แม่น้ำสุไหงโกลก ซึ่งได้รับอิทธิพลของมวลน้ำป่าไหล ที่มีต้นกำเนิดบนเทือกเขาสันกาลาคีรีในพื้นที่ อ.สุคิริน ได้ไหลลงมาสมทบเพื่อระบายลงสู่ทะเลด้านปากอ่าวของ อ.ตากใบ
โดยจุดที่วิกฤติที่สุดอยู่ในพื้นที่ 4 ชุมชน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองสุไหงโกลก คือ ชุมชนหัวสะพาน ชุมชนท่าประปา ชุมชนท่ากอไผ่และชุมชนท่าโรงเลื่อย ซึ่งมีปริมาณน้ำท่วมขังโดยภาพรวมสูงโดยเฉลี่ย 1.50 เมตร ถึง 2.00 เมตร และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นเลื่อยๆจากสภาวะฝนที่ยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลทำให้บ้านเรือนประชาชนบางส่วนมีปริมาณน้ำท่วมขังจนมิดหลังคา และได้อพยพครอบครัวไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราวโรงเรียนเทศบาล4 แล้ว จำนวน 40 ครัวเรือน รวม 214 คน
ส่วนประชาชนที่สามารถอาศัยอยู่ที่บ้านพักบริเวณชั้น 2 โดยเฉพาะชุมชนท่าประปา ซึ่งมีสภาวะน้ำท่วมขังมาแล้ว 4 วันนั้น จำนวนกว่า 20 ครัวเรือน เริ่มที่จะขาดแคลนอาหารและน้ำดื่มใช้บริโภค โดยล่าสุด พ.ต.ท.ปกาสิฐ หนูอิ่ม ผู้บังคับกองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 447 นำถุงยังชีพพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 30 ชุด ขึ้นเรือท้องแบนตระเวนมาแจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน จนสร้างความปลาบปลื้มยิ่งนักแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้
แต่ถึงอย่างไรก็ตามนายสิทธิชัย ศักดา ผวจ.นราธิวาส ได้เตรียมประกาศ 9 อำเภอในเบื้องต้น คือ อ.สุคริน สุไหงโกลก แว้ง สุไหงปาดี ระแงะ จะแนะ ศรีสาคร รือเสาะ และเจาะไอร้อง เป็นเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติ เพื่อเป็นการเบิกจ่ายงบประมาณฉุกเฉินให้การช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง
