
หลังจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดตัวเครื่องวัดระดับกิจกรรมทางกาย "FeelFit(R)" ที่มีความแม่นยำสูงในการวัดระดับการมีกิจกรรมทางกายและพฤติกรรมเนือยนิ่ง ทั้งการเผาผลาญพลังงาน ระยะเวลาที่ใช้ และจำนวนก้าว ล่าสุด ได้มีการนำเครื่อง FeelFit(R) มาใช้ในการทดสอบการแกว่งแขน ว่าสามารถช่วยให้สุขภาพดีขึ้นได้จริงตามการรณรงค์หรือไม่
นายภาคภูมิ ไข่มุก อาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ในฐานะคณะวิจัยการใช้เครื่อง FeelFit(R) ทดสอบการแกว่งแขนลดพุงลดโรค กล่าวว่า หลังจากมีการพัฒนาเครื่อง FeelFit(R) จนสามารถวัดการมีกิจกรรมทางกายได้อย่างแม่นยำ จึงได้นำเครื่องดังกล่าวมาใช้ทดสอบในการแกว่งแขน (Arm Swing Activity Tracker) เพื่อตรวจหาจำนวนแคลอรีที่ใช้จริงในการแกว่งแขน จังหวะความเรงจำนวนครั้งที่เหมาะสมของการแกว่งแขน และตรวจหาความสัมพันธ์ระหว่างการแกว่งแขนกับการถ่ายน้ำหนักที่ฝ่าเท้าอย่างถูกต้องเหมาะสม โดยนำเครื่อง FeelFit(R) ติดไว้กับข้อมือของผู้เข้าร่วมการทดสอบ แบ่งเป็น 4 กลุ่มคือ อายุต่ำกว่า 25 ปี อายุ 25-45 ปี อายุ 45-65 ปี และมากกว่า 65 ปีขึ้นไป จำนวน 100 กว่าคน และให้ทำท่าแกว่งแขนที่ถูกต้องตามที่ สสส.แนะนำ พบว่า ช่วยให้ร่างกายเกิดการเผาผลาญขึ้นจริง
นายภาคภูมิ กล่าวอีกว่า การวิเคราะห์ข้อมูลจากเครื่อง FeelFit(R) ของแต่ละคน พบว่า ค่าเฉลี่ยของการเกิดการเผาผลาญอยู่ที่ประมาณ 216 กิโลแคลอรีต่อ 1 ชั่วโมง และระดับกิจกรรมทางกายหากทำการแกว่งแขนทุกวันจะช่วยให้มีระดับกิจกรรมทางกายตามเกณฑ์ที่องค์การอนามัยโลกแนะนำคือ ระดับปานกลาง 150 นาทีต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ ยังพบว่าการแกว่งแขนผลลัพธ์ไม่ได้เกิดขึ้นที่แขนอย่างที่แต่ละคนเข้าใจ แต่การใช้พลังงานเกิดขึ้นในส่วนของช่วงล่างของร่างกายลงไป คือตั้งแต่เอวลงไป ได้แก่ กล้ามเนื้อต้นขา กล้ามเนื้อหน้าแข้ง กล้ามเนื้อสะโพก กล้ามเนื้อขาด้านหลัง กล้ามเนื้อน่อง กล้ามเนื้อของปลายขา เนื่องจากการแกว่งแขนต้องอาศัยการทรงตัว จึงทำให้มีการใช้กล้ามเนื้อช่วงล่างของร่างกายอย่างมาก
จากการตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ หรือการตรวจอีเอ็มจี (Electromyography: EMG) จะพบว่ามีการใช้ไฟฟ้าในกล้ามเนื้อเหล่านี้สูงมาก แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเกิดการใช้กล้ามเนื้อในส่วนใดมากที่สุด เพราะแต่ละคนมีการใช้กล้ามเนื้อที่ต่างกัน เพราะมีเทคนิคการทรงตัวที่แตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้วมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนล่างของร่างกายสูงมาก โดยช่วงที่เกิดการใช้กล้ามเนื้อมากสุดคือช่วงที่แกว่งมือไปสุดและแกว่งกลับมาสุด เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายต้องเบรกและทรงตัวไม่ให้ล้ม ดังนั้น จึงสามารถทำการแกว่งแขนเพื่อให้มีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอได้ เช่น ช่วงดูละครหลังข่าว ระหว่างพักโฆษณาก็สามารถลุกขึ้นมาแกว่งแขนแทนที่จะทำอย่างอื่นได้ ก็จะช่วยให้เกิดการมีกิจกรรมทางกายที่เพื่มมากขึ้นได้
"การเล่นกอล์ฟซึ่งเป็นกีฬาที่คนมองว่าไม่ได้ช่วยให้สุขภาพดี รวมถึงแคดดี้ที่ออกรอบพร้อมกับนักกอล์ฟก็ไม่น่าจะแตกต่างกันนั้น แต่จากการนำเครื่อง FeelFit(R) มาติดกับแคดดี้ขณะออกรอบพร้อมกับนักกอล์ฟระดับฝีมือปานกลางถึงดี ผลสรุปพบว่า การออกรอบจำนวน 18 หลุม (Holes) แคดดี้เกิดการเผาผลาญ 473 กิโลแคลอรี มีจำนวนก้าว 15,946 ก้าว ระยะทาง 10,157 เมตร เกิดกิจกรรมทางกายระดับปานกลาง รวม 59 นาที ดังนั้น การออกรอบประมาณ 4-5 ครั้งต่อสัปดาห์ จะช่วยให้แคดดี้มีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำคือ มีกิจกรรมทางกายระดับปานกลางอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ซึ่งขนาดแคดดี้ยังเกิดการมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ การตีกอล์ฟก็น่าจะส่งผลดีต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน" นายภาคภูมิ กล่าว