พล.ต.ต.ทรงพล กว่าวอีกว่า เมื่อวานนี้(8 พ.ย.)พนักงานสอบสวนได้เรียกนายอัครณัฐ หรือน็อต มาครั้งหนึ่งแล้ว เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มตามมาตรา 309 ในข้อหาข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งทุกอย่างต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ส่วนจะเรียกเพื่อนของนายอัครณัฐซึ่งอยู่ในที่เกิดเหตุมาสอบสวนด้วยหรือไม่นั้น ได้กำชับไปยังพนักงานสอบสวนเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากในคดีต้องมีทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล นอกจากนี้ยังมีการตรวจเช็กกล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบดูตั้งแจ่ก่อนเกิดเหตุรถเฉี่ยวชนจนมาถึงการทำร้ายร่างกายด้วย อย่างไรก็ตามกรณีที่เพื่อนของนายอัครณัฐที่ไม่ห้ามปรามถือว่ามีความผิดด้วยหรือไม่นั้น ต้องดูรายระเอียดอีกครั้งว่า เขาได้สั่งการหรือยุยงส่งเสริมหรือไม่ จะต้องดูพฤติกรรมโดยรวมประกอบ หากพบว่ามีการยุยงส่งเสริมก็จะเข้าข่ายความผิดที่ตำรวจจะต้องดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าพิจารณาจากคลิปที่ปรากฏ เพื่อนของนายอัครณัฐพยายามบอกกับคนอื่นที่เห็นเหตุการณ์ว่า ไม่ให้พูดอะไรนั้น ต้องถูกพิจารณาเข้าข่ายมีความผิดด้วยหรือไม่ พล.ต.ต.ทรงพล บอกว่า เรื่องนี้ก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในส่วนนี้ด้วย ถ้าเข้าข่ายต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหาอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นมาตรการสอบสวนของพนักงานสอบ ส่วนจะมีการพิจารณาพักใช้ใบขับขี่ของนายอัครณัฐหรือไม่นั้น เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการใช้ดุลยพินิจ โดยปกติจะยึดในกรณีที่ขับรถขณะเมาสุรา หรือขับรถเป็นที่น่าหวาดเสียวเท่านั้น แต่ในกรณีดังกล่าวต้องให้ความเป็นธรรม ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน