"อยุธยา" เสี่ยงท่วม 2 หมื่นครัวเรือน

ที่เห็นน้ำท่วมในอำเภอบางบาล นี่เป็นเพียงแค่ระลองแรกเท่านั้น โดยปลายเดือนนี้อาจจะได้รับผลกระทบเพิ่มเติม จากฝนที่ตกหนักเหมืองช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่เขื่อนเจ้าพระยาวันนี เพิ่มการระบายน้ำ 2000 ลูกบาศก์เมตร/ต่อวินาที ชาวบ้านติดแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างต้องเฝ้าระวังและเตรียมรับมือนางบุญชู ป้องกันภัย ชาวบ้าน ต.ไทรน้อย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เร่งตัดกล้วยหอมทอง จากต้น ทั้งที่ยังไม่สุกเพื่อส่งขาย ก่อนกล้วยทั้งหมด จะยืนต้นตาย และมีกล้วยบางส่วนที่ยังไม่สามารถตัดขายได้อีกจำนวนมากที่ต้องทิ้งไปทั้งหมด ปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานไหนมาช่วยเหลือ โดยเธอและเพื่อนบ้านต้องช่วยเหลือกันเองไปก่อนในเวลา นี้ นางบุญชูบอกว่า ภัยแล้งทำให้ที่นี่ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วมมา 2 ปี กลางปีที่ผ่านมา ฝนตกเกษตรกร จึงลงปลูกพืชอย่างเต็ม โดยไม่คาดคิดว่าน้ำจะท่วม // นอกจากสวนกล้วยของนางบุญชูแล้ว ยังมีสวนกล้วยหอมอีกจำนวนหลายร้อย ไร่ ในต.บางบาล ที่ประสบปัญหาเดียวกันส่วนที่โรงเรียนวัดบุญกันนาวาส ในพื้นที่เดียวกัน เด็กๆ ช่วยครูเก็บของขึ้นที่สูง แต่ก็มีหนังสือเรียน และเอกสารประกอบการเรียน ที่จมหายไปกับน้ำเพราะเก็บไม่ทัน นายสุเทพ นิ่มทับทิม ครูฝ่ายวิชาการ บอกว่า แม้น้ำจะท่วม แต่ยังไม่ตัดสินใจปิดเรียน เพราะเหลืออีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะถึงวันปิดเทอม และในวันที่ 28 กันยายน นี้จะมีการสอบ อ่านออกเขียนได้ของนร.ชั้น ป.1 ทั่วประเทศ ซึ่งก็ต้องสอบท่ามกลางน้ำท่วมอย่างนี้
ด้าน ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย จ.พระนครศรีอยุธยา ได้สรุปพื้นที่ได้รับความเดือดจากน้ำท่วม 4 อำเภอ ได้แก่อำเภอบางบาล 2,797 หลังคาเรือน อำเภอเสนา 3,142 หลังคาเรือน อำเภอผักไห่ 1,253 หลังคาเรือน และเขตอำเภอพระนครศรีอยุธยา ได้รับผลกระทบบางส่วนมีบ้านเรือนได้รับผลกระทบ 231 หลังคาเรือน รวมพื้นที่ได้รับความเดือนร้อนในขณะนี้ 7,423 หลังคาเรือน และหลังจากที่เขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำมากขึ้น เป็น 2,000 ลูกบากศ์เมตรต่อวินาที ก็ทำให้มีบ้านได้รับผลกระทบเป็น 20,000 ครัวเรือนส่วนปัญหาความขัดแย้ง พื้นที่รับน้ำ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กรมชลประทาน ยืนยันจะยังไม่ผันน้ำเข้าทุ่งเนื่องจาก มีข้าวนับหมื่นไร่ที่กำลังรอการเก็บเกี่ยว โดยได้คลทำความเข้าใจกับทางจังหวัดแล้ว ในส่วนพื้นที่ก็มีการทำความเข้าใจกับกำนันและผู้ใหญ่ ไม่ให้ใชเกิดปัญหาความขัดแย้ง ขึ้น ทั้งนี้ขอให้รับมือมวลน้ำก้อนใหม่ที่จะไหลมาเพิ่มอีก ในวันที่ 29 กันยายนนี้นายทองเปลว บอกว่าการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาในช่วงที่มีน้ำมาก ได้ปฏิบัติตามแนวทางในการบริหารจัดการน้ำอย่างเหมาะสมที่สุดแล้ว คือการระบายน้ำทางตรงออกสู่อ่าวไทย ไม่ผันเข้าทุ่ง