พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวอีกว่า การสอบสวนได้แยกออกเป็น 2 คดี คดีฆ่าอำพรางศพ และ คดีปลอมแปลงเอกสาร โดยคดีฆ่าอำพรางศพจากการสอบสวนแม่บ้านชาวเมียนมาร์นั้นบอกว่าได้เคลื่อนย้ายตู้แช่แข็งดังกล่าวมาจากที่พักในซอยปรีดี พนมยงค์ 37 เมื่อ 4 เดือนที่แล้วมายังบ้านที่เกิดเหตุในซอยสุขุมวิท 56 และผู้ต้องหาสั่งไม่ให้ยุ่งกับตู้แช่ดังกล่าว ซึ่งตนเชื่อว่าศพน่าจะเสียชีวิตจากที่อื่นมาก่อน
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า ส่วนคดีปลอมแปลงเอกสารนั้นได้ตรวจค้นในห้องเกิดเหตุพบอุปกรณ์ สารเคมี และยาเสพติดต่างๆ จำนวนมากพร้อมเตรียมขยายผลเพิ่มเติม นอกจากนี้ ในกรณีพาสปอร์ตที่ค้นพบทั้งหมดอยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่สถานฑูตทั้งประเทศอเมริกาและประเทศอังกฤษ เพื่อช่วยตรวจสอบฐานข้อมูลของกลุ่มผู้ต้องหาเนื่องจากยังไม่ชัดเจนและกลัวพาดพิงประเทศอื่น อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องหายังคงให้การปฏิเสธ และเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องค้นหาวัตถุพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ จนให้สิ้นปราศจากการสงสัยทั้งหมด ส่วนลายนิ้วมือเตรียมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้แจ้ง 8 ข้อหาแก่ นายแอรอน โทมัส เกเบล และ นายเจมส์ ดักลาส เอกเกอร์ ในข้อหา ร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันมีเครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันมีไว้เพื่อใช้ ซึ่ง หนังสือเดินทางปลอม , ร่วมกันปลอมซึ่งตราหรือแผ่นปะตรวจ อันใช้ ในการตรวจลงตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ , ร่วมกันมียาเสพติดประเภท1 (ไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย , ร่วมกันมียาเสพติดประเภท5(กัญชา)ไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทประเภทที่2 (ยาเค ) โดยไม่ได้รับอนุญาต , ร่วมกันปิดบัง อำพรางซ้อนเร้นศพ
ส่วน นายปีเตอร์ แอนดริว คอลเตอร์ แจ้งเพิ่มเติมอีก 3 ข้อหาเป็น 11ข้อ ฐานความผิดเป็นต่างด้าวเข้ามาอาศัยในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต , ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน และ พยายามฆ่าเจ้าพนักงาน