svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

มช.เปิดโต๊ะแจง "หมอนิเวศน์"นั่งเก้าอี้ สนช. ไม่ขาดคุณสมบัติ เป็นอธิการบดี

24 กันยายน 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เชียงใหม่ - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดโต๊ะแถลงข่าวแจงยิบ หลังมีผู้ร้องเรียนการสรรหาอธิการบดี เผย "หมอนิเวศน์"นั่งเก้าอี้ สนช.ไม่ขาดคุณสมบัติ เผยมาตรา 41 ยกเว้นมิให้นำมาบังคับใช้

เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้ (23 ก.ย.) ที่ห้องประชุมพระยาศรีวิสารวาจา สำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผศ.นพ.ศุภชัย เชื้อรัตนพงษ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการสภามหาวิทยาลัย ,รศ.ธีรภัทร วรรณฤมล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายมวลชนสัมพันธ์และนักศึกษาเก่าสัมพันธ์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และคณบดีคณะการสื่อสารมวลชน , รศ.ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร อุปนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และนายไพสิฐ พาณิชย์กุล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหารงานทั่วไปและกฎหมาย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมแถลงข่าวตามที่ปรากฏข่าวมีผู้ร้องเรียนนายกรัฐมนตรี รมว.ศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษา กรณีการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หลังจากทางสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้มีมติด้วยเสียงข้างมาก 14 ต่อ 11 เสนอชื่อให้ศาสตราจารย์คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีคนปัจจุบันที่จะดำรงตำแหน่งครบวาระ 4 ปีในวันที่ 9 พ.ย.2559 นี้ เพื่อทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีสืบวาระต่อไปวันที่ 10 พ.ย.2559

โดยทางผู้ร้องเรียนได้แจ้งเจตจำนงค์ถึงการสรรหาอธิการบดีว่าเป็นไปด้วยความไม่ชอบธรรมทั้งแง่จริยธรรมและกฎหมาย อาทิ เรื่องคุณสมบัติผู้สมควรแก่การดำรงตำแหน่งอธิการบดี , การเข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2559 ของ รศ.นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี ที่รักษาการตำแหน่งนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยอ้างว่าตัว รศ.นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรีได้หมดวาระการดำรงตำแหน่งไปเมื่อ 30 มิ.ย.2559 แล้ว เหตุใดจึงสามารถเข้าร่วมการประชุมกับสภามหาวิทยาลัยได้ รวมถึงรูปแบบการลงมติของกรรมการสภาวิทยาลัยในการคัดเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัย ที่ผู้ร้องเรียนมองว่าไม่โปร่งใสและเป็นไม่อย่างไม่ยุติธรรมนั้น

มช.เปิดโต๊ะแจง
"หมอนิเวศน์"นั่งเก้าอี้ สนช.
ไม่ขาดคุณสมบัติ เป็นอธิการบดี



ผศ.นพ.ศุภชัย เชื้อรัตนพงษ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการสภามหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากที่มีข่าวลงสื่อลงข่าวเรื่องข้อขัดแย้งในตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มองว่าแหล่งข่าวผู้ให้ข้อมูลไม่ได้ศึกษาเรื่องรายละเอียดทางกฎหมายและข้อบังคับของทางมหาวิทยาลัย รวมถึงกฎระเบียบที่ว่าด้วยการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดความคาดเคลื่อนด้านข้อมูล ทำให้ทางมหาวิทยาลัยเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งจากที่อ่านดูข้อมูลของสื่อที่ลงข่าวนั้นพบว่า มีประเด็นหลักที่ทางผู้ให้ข่าวนำเสนอแบบผิดๆ คือ 1.กรณีคุณสมบัติของผู้ควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี 2.การเข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของ รศ.นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี ดำรงตำแหน่งรักษาการนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2559 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ 3.การลงมติของที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2559 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

ดังนั้น จึงขอชี้แจงดังนี้ 1.กรณีคุณสมบัติของผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีนั้น ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยการสรรหาอธิการบดี พ.ศ.2554 ข้อ 4 กำหนดว่า อธิการบดีต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 37 แห่ง พรบ.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พ.ศ.2551 และมีคุณสมบัติทั่วไปตามข้อ 15.1 รวมทั้งไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อที่ 17 (2) ด้วยชื่อตำแหน่ง คุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง วาระการดำรงตำแหน่ง จากพ้นจากตำแหน่ง ฯลฯ ห้ามเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งในภรรการเมืองหรือกลุ่มการเมืองท้องถิ่น ในส่วนนี้ถือเป็นบัญญัติที่กำหนดขึ้นมาจริง

กระนั้นหากมองย้อนกลับไปจะพบว่า ศ.คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค.2557 ซึ่งตำแหน่งสนช.เป็นตำแหน่งทางการเมือง เป็นลักษณะต้องห้ามสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัย

แต่ด้วยบทบัญญัติมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 บัญญัติไว้ว่า "ในกรณีที่บทบัญญัติของกฎหมายกำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง มิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นมาใช้บังคับแก่ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ข้าราชการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา"

มช.เปิดโต๊ะแจง
"หมอนิเวศน์"นั่งเก้าอี้ สนช.
ไม่ขาดคุณสมบัติ เป็นอธิการบดี



ซึ่งทางกรรมการสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่และผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมายมหาวิทยลัยเชียงใหม่ รวมถึงกองกฎหมายของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ให้ความเห็นสอดคล้องว่า ต้องนำมาตรา 41 ของ รธน.แห่งราชอาณาจักไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ให้เป็นกรณีที่ต้องได้รับการยกเว้นตามความในมาตรา 41 โดยมิให้นำลักษณะต้องห้ามตามข้อบังคับฯ ว่าด้วยชื่อตำแหน่งคุณสมบัติเฉพาะตำแหน่ง พ.ศ.2554 ข้อ 17(2) "เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง" มาใช้บังคับ จึงถือว่าศ.คลินิก นพ.นิเวศน์ นันทจิต ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อที่ 17 (2) แห่งข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยชื่อตำแหน่ง คุณสมบัติตำแหน่ง วาระการดำรงตำแหน่ง การพ้นตำแหน่ง และอำนาจหน้าที่ของรองอธิการบดี ผู้ช่วยอธิการบดี หัวหน้าส่วนงาน รองหัวหน้าส่วนงาน และตำแหน่งบริหารอื่น ในส่วนงานวิชาการและส่วนงานอื่น

ผศ.นพ.ศุภชัย กล่าวว่า เรื่องการมติของที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2559 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้นนั้น ต้องเรียนตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยการประชุมและวิธีดำเนินงานของสภามหาวิทยาลัย พ.ศ.2551 กำหนดว่าการลงมติของสภาวิทยาลัยสามารถดำเนินการได้ทั้งวิธีเปิดเผยและวิธีลับ สำหรับการพิจารณาเมื่อวันที่ 23 ก.ค.2559 นายกสภามหาวิทยาลัย ประธานที่ประชุมเสนอว่า การพิจารณาชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ประธานที่ประชุมได้เสนอว่า การพิจารณาและลงมติจะใช้โดยวิธีลับ ตามข้อ 9.8.3 แห่งข้อบังคับการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ว่าด้วยการประชุมและวิธีดำเนินงานของสภามหาวิทยาลัย พ.ศ.2551 ที่กำหนดไว้ว่า "การลงมติโดยลับให้ปฏิบัติดังนี้ (1) เขียนสัญลักษณ์ หรือเครื่องหมายบนแผ่นกระดาษที่เจ้าหน้าที่จัดให้ตามที่ที่ประชุมกำหนด หรือ (2) วิธีอื่นใดที่ประชุมเห็นสมควร

ส่วนการที่มีผู้กล่าวว่ามีเหตุอันควรสงสัยเจ้าหน้าที่บางคนเปลี่ยนบัตรลงคะแนน หรือมีการเปิดดูบัตรนั้น ถือเป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานโดยสุจริตและไร้ซึ่งจรรยาบรรณ โดยกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่ร่วมประชุมอยู่สามารถเป็นพยานได้ว่าไม่มีการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด เพราะภายหลังการลงคะแนนเสียงแล้ว ทางสภาฯ จะคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิทั้งหมด 3 ราย เพื่อมาเปิดบัตรคะแนน ถือเป็นสิ่งที่ปฏิบัติต่อกันมานานแล้ว

ผศ.นพ.ศุภชัย กล่าวว่า ส่วนที่มีการหยิบยกเรื่องอธิการบดีอีก 2 มหาวิทยาลัยที่มีตำแหน่งอยู่ใน สนช.และล่าสุดทราบได้รับการโปรดเกล้าฯให้เป็นอธิการบดีอีกครั้ง และเป็นวาระที่ 2 เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้มองว่าผู้ร้องเรียนไม่ได้ศึกษาข้อกฎหมายอย่างละเอียดเท่าที่ควร ถือเป็นความคลาดเคลื่อนอย่างแท้จริง และพยายามสร้างความขัดแย้งภายในองค์กรของแต่ละมหาวิทยาลัย

มช.เปิดโต๊ะแจง
"หมอนิเวศน์"นั่งเก้าอี้ สนช.
ไม่ขาดคุณสมบัติ เป็นอธิการบดี



"ทางมหาวิทยาลัยคงไม่มีการดำเนินคดีถึงผู้ที่ให้ข่าวเสียหาย ส่วนนี้เป็นการคลาดเคลื่อนของข้อมูล จึงมองว่าสามารถปรับความเข้าใจกันได้รวมถึงสื่อที่ลงข่าวมองว่าเป็นการดีที่จะมีการเสนออีกหนึ่งมุมมอง อีกด้านหนึ่งของการคัดสรรอธิการบดีของทางมหาวิทยาลัย"

ขณะที่ประเด็นที่ทาง สกอ.ระงับการดำเนินโปรดเกล้าฯ นั้นไม่เป็นความจริง เพราะยังไม่มีการรายงานเข้ามา ทุกกระบวนการยังคงเป็นไปตามปกติ และเรื่องกรณีชี้แจงปัญหาดังกล่าวได้ถูกส่งเรื่องไปก่อนหน้านี้แล้วเมื่อเมื่อวันที่ 28 ส.ค.2559จำ นวน 135 หน้าซึ่งหากมีปัญหาและไม่ถูกต้องจริง ทาง สกอ.ต้องส่งหนังสือกลับมาและหากถามว่าเหตุใดจึงต้องส่งเรื่องไปยัง สกอ.ช้า ความจริงแล้วทางมหาวิทยาลัยได้ส่งเรื่องไปเมื่อช่วงปลายเดือนก.ค.2559 แล้ว เพียงแต่ทาง สกอ.แจ้งมาว่า เร็วเกินไป จะให้ดีควรเป็น 2 เดือนล่วงหน้าก่อนทำเรื่องโปรดเกล้าฯ

พร้อมกันนี้ที่บอกว่าในวันเสาร์ที่ 24 ก.ย.2559 ทางสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะประชุมนั้นเป็นความจริง ถือเป็นการวาระการประชุมที่กำหนดไว้อยู่แล้ว แต่ประชุมเพื่อหาข้อสรุปข้อขัดแย้งเรื่องตำแหน่งอธิการบดีนั้นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

สำหรับรศ.ดร.เสริมเกียรติ จอมจันทร์ยอง อดีตรองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการและอดีตคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) และศาสตรจารย์คลินิก พน.นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีคนปัจจุบัน มองว่าทั้งสองเป็นผู้มีความรู้และมีวิสัยทัศน์ใกล้เคียงกัน ต้องการเห็นมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไปในทิศทางที่ดี เพียงแต่กระบวนการจัดสรรและคัดเลือกนั้นมาจากสภาฯ การตัดสินของทางสภาฯ ถือเป็นสิ้นสุด และไม่อยากให้มีข้อโต้แย้งเกิดขึ้นอีกแต่อย่างใด เนื่องจากจะสร้าความเสื่อมเสียให้กับทางมหาวิทยาลัย

มช.เปิดโต๊ะแจง
"หมอนิเวศน์"นั่งเก้าอี้ สนช.
ไม่ขาดคุณสมบัติ เป็นอธิการบดี



ด้านรศ.ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร อุปนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ส่วนประเด็นที่ 2 เรื่องการเข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รศ.นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี รักษาการในตำแหน่งนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะกรรมการสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.2559 ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น ต้องบอกก่อนว่าตัวของรศ.นพ.สมศักดิ์ เป็นนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่คนเดิม และได้ครบวาระการดำรงตำแหน่งเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2559 และให้รักษาการในตำแหน่งนายกสมาคมฯ ตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.2559 เป็นต้นมา

โดยที่นายทะเบียนจังหวัดเชียงใหม่ได้ประกาศจดทะเบียนแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ขึ้นใหม่ทั้งชุดเมื่อวันที่ 14 ก.ค.2559 โดยสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้รับแจ้งประกาศจดทะเบียนแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมฯ จากอำเภอเมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2559 เวลา 15.00 น. ตามหนังสือ ที่ ชม.0118/5227 ลงวันที่ 22 ก.ค.59

ซึ่งทางสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้มีหนังสือ ที่ สก.มช. 025/2559 ลงวันที่ 26 ก.ค.2559 ส่งถึงสำนักงานสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แจ้งว่าทางจังหวัดเชียงใหม่ได้พิจารณาอนุญาตให้จดทะเบียนการแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมฯ เรียบร้อยแล้ว จึงขอแจ้งการเปลี่ยนชื่อนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่เป็นนายซวง ชัยสุโรจน์ เพื่อเข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในครั้งต่อไป

ดังนั้นแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย.2559 จนถึงวันที่ 25 ก.ค.2559 รศ.นพ.สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี จึงเป็นผู้รักษาการในตำแหน่งนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และมีอำนาจตามหน้าที่สำหรับการลงมติของกรรมสภามหาวิทยาลัยในการคัดเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 59 ทุกประการ

มช.เปิดโต๊ะแจง
"หมอนิเวศน์"นั่งเก้าอี้ สนช.
ไม่ขาดคุณสมบัติ เป็นอธิการบดี

มช.เปิดโต๊ะแจง
"หมอนิเวศน์"นั่งเก้าอี้ สนช.
ไม่ขาดคุณสมบัติ เป็นอธิการบดี

มช.เปิดโต๊ะแจง
"หมอนิเวศน์"นั่งเก้าอี้ สนช.
ไม่ขาดคุณสมบัติ เป็นอธิการบดี

มช.เปิดโต๊ะแจง
"หมอนิเวศน์"นั่งเก้าอี้ สนช.
ไม่ขาดคุณสมบัติ เป็นอธิการบดี

มช.เปิดโต๊ะแจง
"หมอนิเวศน์"นั่งเก้าอี้ สนช.
ไม่ขาดคุณสมบัติ เป็นอธิการบดี

logoline