"พระถวัลย์ศักดิ์" เข้าให้ปากคำ"ดีเอสไอ" ยัน! "ธัมมชโย"ยังอยู่ในวัด

กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) - 29 ก.ค. 59 พระถวัลย์ศักดิ์ ยติสักโก ผอ.การคลังวัดพระธรรมกาย เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล ผบ.สำนักคดีการเงินการธนาคาร และนายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 เพื่อให้ปากคำถึงการบริหารการเงินภายในวัดพระธรรมกาย โดยใช้เวลาให้ปากคำนานกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งก่อนหน้านี้พระถวัลย์ศักดิ์อ้างว่า ติดศาสนกิจขอเลื่อนนัดเข้าให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนมาแล้ว 2 ครั้ง ภายหลังการสอบปากคำพระถวัลศักดิ์ เปิดเผยว่า อาตมาเข้าให้ปากคำตามหมายเรียกดีเอสไอ ส่วนรายละเอียดไม่ขอเปิดเผย เนื่องจากได้ให้การกับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า พระธัมมชโย ยังอยู่ในวัดพระธรรมกายแน่นอน มีอาการป่วย ต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ แต่อาตมาก็ไม่มีโอกาสได้พบกับพระธัมมชโย เพราะอาตมาเองก็ป่วยเป็นไข้หวัดกลัวว่าจะนำเชื้อไวรัสไปติดพระธัมมชโยด้วย

ด้าน พ.ต.ท.ปกรณ์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนจะรวบรวมเอกสารพร้อมคำให้การของพระถวัลศักดิ์ส่งให้อัยการคดีพิเศษประกอบการดำเนินคดีฟอกเงิน ซึ่งการสอบปากคำครั้งนี้ เป็นการเรียกสอบในฐานะพยาน เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารเงินภายในวัดพระธรรมกาย โดยพระถวัลศักดิ์เป็นผู้มีชื่อเซ็นเช็คสั่งจ่ายเงินของวัด คำให้การไม่สามารถเปิดเผยได้ เป็นรายละเอียดในสำนวน ทั้งนี้ ในวันที่ 2 ส.ค. พระมหาบุญชัย จะเข้าให้ปากคำอีกราย ส่วนพระรูปอื่นอีก 4 รูปจะทยอยเข้าให้ปากคำ เชื่อว่าจะสามารถสรุปสำนวนสอบสวนประเด็นเพิ่มเติมตามที่อัยการสั่งสอบได้ภายในวันที่ 11 ส.ค.นี้ด้านพ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผบ.สำนักคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ในวันนี้ (29 ก.ค.) พนักงานสอบสวนลงพื้นที่เกาะยาว จ.พังงา เพื่อส่งโดรนขึ้นบินสำรวจสภาพสิ่งปลูกสร้างและการครอบครองใช้ประโยชน์ที่ดินของสถานปฏิบัติธรรมมุกตะวัน สาขาของวัดพระธรรมกาย ตามที่ประชาชนร้องเรียนให้ดีเอสไอตรวจสอบว่ามีการบุกรุกป่าและก่อสร้างอ่างเก็บน้ำทับลำรางสาธารณะ

ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้ส่งโดรนขึ้นบันทึกภาพสถานปฏิบัติมุกตะวัน 1,2,3,4 จากนั้น จะนำภาพถ่ายที่ระบุพิกัดที่ตั้งมาตรวจสอบเปรียบเทียบกับแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อพิสูจน์แนวเขตที่ดินกับร่องรอยการทำประโยชน์ในอดีต เบื้องต้นพบว่า มีที่ดินหลายแปลงพร้อมสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้าไปในป่า ขณะที่เอกสาร นส.3 ประมาณ 20 แปลง ไม่สามารถระบุพิกัดที่ดินได้ พนักงานสอบสวนต้องสอบปากคำชาวบ้านเจ้าของที่ดินข้างเคียงตามที่ระบุในเอกสาร นส.3 คาดว่าจะได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนภายในเดือน ส.ค.นี้ ขณะที่แหล่งข่าวจากดีเอสไอ เปิดเผยว่า ในการลงพื้นที่เกาะยาวชาวบ้านได้ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนถึงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำในสถานปฏิบัติธรรมมุกตะวันว่า ในอดีตเนินเขาดังกล่าวชาวบ้านใช้เป็นพื้นที่ปลูกข้าว แต่ในช่วงฤดูฝนน้ำจะท่วมล้นแปลงข้าวไหลเป็นน้ำตกไปตามลำรางสาธารณะ แอ่งน้ำดังกล่าวจึงเป็นแหล่งน้ำจืดสาธารณะในเกาะยาว ต่อมาสถานปฏิบัติธรรมได้กว้านซื้อที่ดินและขุดแปลงข้าวให้เป็นอ่างเก็บน้ำลึก ทำให้น้ำไม่ไหลลงสู่ลำรางสาธารณะทำให้ชาวบ้านต้องซื้อน้ำจากสถานปฏิบัติธรรม