svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

คุก 3 ปี อดีต รมช.คลัง-ขรก. ช่วยโอ๊ค-เอม เลี่ยงภาษี

28 กรกฎาคม 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลอาญา พิพากษาจำคุก 3 ปีไม่รอลงอาญา "เบญจา หลุยเจริญ" อดีต รมช.คลัง 3 อดีตข้าราชการกลุ่มงานกฎหมายสรรพากร ผิด 157 ปฏิบัติหน้าที่มิชอบช่วย โอ๊ค-เอม ไม่ยื่นคำนวณภาษีหุ้น ขณะที่คนใกล้ชิดเลขาฯคุณหญิงอ้อ เจอคุก 2 ปี ฐานสนับสนุน ทั้งหมดพร้อมยื่นประกันลุ้นสู้ชั้นอุทธรณ์

28 ก.ค.59 - ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อท.43/2558 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร,น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย,น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย,นายกริช วิปุลานุสาสน์ ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายฯ เป็นจำเลยที่ 1-5 ต่อแผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐในศาลอาญา ในความผิดฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
โดย ป.ป.ช. โจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยทั้งห้า ต่อแผนกคดีทุจริตฯ ในศาลอาญา เมื่อวันที่ 3 ธ.ค.58 ระบุพฤติการณ์สรุปว่า จำเลยที่ 1-4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของกรมสรรพากร ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อไม่ให้นายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากรหรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควร โดยชอบด้วยกฎหมาย จากการที่นายพานทองแท้ และน.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัทชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549 คนละ 164,600,000 หุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท ถือได้ว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาท ซึ่งการกระทำนั้นทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการเสียหาย จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี
ศาลพิเคราะห์แล้ว คดีมีประเด็นต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1-4 ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ โดยมีจำเลยที่ 5 เป็นผู้สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่มิชอบหรือไม่ เห็นว่า คณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร เคยมีความเห็นเกี่ยวกับรายได้และส่วนต่างการโอนขายหุ้นให้กับบุคคลธรรมดา เข้าลักษณะเป็นผู้ได้รับประโยชน์ ซึ่งต้องนำเงินนั้นมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 ซึ่งกรณีของนายพานทองแท้และน.ส.พิณทองทา ได้ประโยชน์จากส่วนต่างของการขายหุ้นละ 1 บาท จึงต้องเป็นรายได้ที่นำมาคำนวณเพื่อเสียภาษี โดยผลจากการกระทำของจำเลยที่ 1-4 ในการตอบข้อหารือที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกรมสรรพากร ซึ่งความผิดสำเร็จตั้งแต่การตอบข้อหารือ โดยจำเลยที่ 5 ซึ่งหารือมายังสำนักกฎหมาย แล้วนำคำหารือไปใช้ประโยชน์ จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนด้วย
จึงพิพากษาว่า นางเบญจา อดีต รมช.คลัง และอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร,น.ส.จำรัส อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย,น.ส.โมรีรัตน์ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย,นายกริช ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร จำเลยที่ 1-4 มีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 83 ให้จำคุกคนละ 3 ปี
ส่วน น.ส.ปราณี คนใกล้ชิด เลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ 86 มีโทษ 2 ใน 3 จึงให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี และเมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีของจำเลยทั้งหมดจึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
ต่อมาทนายความจำเลยทั้งห้าได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เพื่อขอปล่อยชั่วคราวระหว่างยื่นอุทธรณ์ โดยจำเลยที่ 1-4 ยื่นหลักทรัพย์เป็นหนังสือรับรองเพื่อรับการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ที่ต้องหาคดีของกรมสรรพากร มีวงเงินไม่เกิน 420,000 บาท ส่วนจำเลยที่ 5 ใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสด จำนวน 300,000 บาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล โดยจำเลยทั้งห้า ยังคงรอฟังคำสั่งประกันอยู่ในห้องพิจารณา โดยวันนี้ระหว่างฟังคำพิพากษามีผู้ใกล้ชิด ติดตามมาให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับ น.ส.โมรีรัตน์ อดีต ผอ.สำนักกฎหมายนั้น ก็เคยถูกอัยการฝ่ายคดีพิเศษ2เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ร่วมกับนายศิโรตม์ สวัสดิ์พาณิชย์ อดีตอธิบดีกรมสรรพพากร กับพวกซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รวม5คน ในความผิดฐานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่มิชอบในการเรียกเก็บหรือตรวจสอบภาษีอากร จากกรณีเมื่อปี2540ที่คุณหญิงพจมาน อดีตภริยานายทักษิณ โอนหุ้น บมจ.ชินคอร์ปฯ จำนวน4.5ล้านหุ้น ให้นายบรรณพต ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม และคนใกล้ชิด แต่ภายหลังศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง น.ส.โมรีรัตน์กับพวกในคดีดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าพวกจำเลยได้ทำการวินิจฉัยและเสนอความเห็นต่อผู้บังคับบัญชาตามขั้นตอนแล้ว





logoline