ภายหลังจากการแจ้งความ หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้ไปพบพนักงานอัยการให้เซ็นเอกสารรับหมายนัด เกี่ยวกับคดีข้อหา "กบฏ" ถ้าหากมีการนัดหมายอีกครั้ง ซึ่งส่วนตัวแล้วอยากให้คดีความแล้วเสร็จโดยเร็ว ว่าจะถูกดำเนินคดีหรือไม่ ซึ่งจะได้ดำเนินการเรื่องอื่นต่อไปได้ อีกทั้งต้องการจะบอกว่าหลวงปู่พุทธะอิสระไม่ปฏิเสธกระบวนการยุติธรรมของแผ่นดินแต่อย่างใด พร้อมที่จะเผชิญหากมีความผิดจริง และต่อสู้คดีความด้วยความจริงใจของเรา หากไม่มีความผิดจริงก็ไม่ต้องกลัวอะไร โดยอยากจะส่งสัญญาณสิ่งเหล่านี้ไปยังพระสงฆ์รูปอื่นที่พยายามหลบเลี่ยงคดีของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองให้มาดำเนินการเสีย เพราะบ้านเมืองเรามีกฎหมาย ไม่ได้ใช้กฎหมู่
"สำหรับวันนี้ที่เดินทางมาแจ้งความสืบเนื่องมาจากก่อนหน้านี้อาตมาได้ไปยื่นหนังสือกับทางดีเอสไอ ที่นายจตุพรจาบจ้วงดูหมิ่นเจ้าหน้าที่รัฐว่าเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทำงานสองมาตรฐานไม่บังคับใช้กฎหมาย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งได้อ้างว่ามีการกล่าวหาอาตมาตั้ง 9 คดี มีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต แต่กลับปล่อยปละละเลยไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งที่จริงวันนี้อาตมาได้สอบถามอัยการบอกว่ามีเพียงแค่ 2 คดี คือข้อหา "กบฏ" และ "ขัดขวางการเลือกตั้ง" ซึ่งอาตมาไม่รู้ว่านายจตุพรไปเอาข้อหาอะไรมายัดเยียดให้ถึง 9 คดี ทำให้ชัดเจนว่านายจตุพรตั้งใจใส่ร้ายป้ายสีอาตมาให้เกิดความเสื่อมเสีย ซึ่งทำมาหลายครั้ง เตือนแล้วบอกแล้วก็ยังทำซ้ำอีก อาตมาเห็นว่าใกล้จะหมดอายุความจึงเดินทางมาแจ้งความดังกล่าว อันที่จริงอาตมาไม่ได้อยากแจ้งความ แต่ทุกวันนี้เจ้าตัวก็ยังพยายามใส่ร้ายอาตมาอยู่ ซึ่งสาเหตุที่มาแจ้งความกับทาง บก.ปอท.เนื่องทางดีเอสไอไม่สามารถรับเรื่องเกี่ยวการใส่ร้ายตัวบุคคลได้แต่อย่างใดจึงต้องมาแจ้งความที่นี่" หลวงปู่พุทธอิสระ กล่าว
หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีพระเมธีธรรมาจารย์ (ประสาร จนฺทสาโร) หรือเจ้าคุณประสาร ที่ออกมาระบุหลายครั้งเกี่ยวกับการแต่งตั้งพระสังฆราชและรถของสมเด็จช่วง ซึ่งช่วงบ่ายของวันนี้จะไปดำเนินการแจ้งความกับทางดีเอสไอในข้อหา"อั่งยี่"และ"ขัดคำสั่ง คสช." ส่วนตัวแล้วพระที่ออกมาเคลื่อนไหวลักษณะนี้มีเพียงส่วนเดียวเท่านั้น ซึ่งพระที่ดีส่วนใหญ่ไม่ออกมาทำอะไรลักษณะนี้ อยากจะฝากเตือนไปยังพระสงฆ์รูปอื่นอย่าไปหลงเชื่อท่านเจ้าคุณเมธี บ้านเมืองเรามีกฎหมาย ถ้าใช้กฎหมู่เราจะอยู่กันได้อย่างไร ที่ออกมาปฏิเสธกฎหมายนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังเชื่ออีกว่าการเคลื่อนไหวเหล่านี้มีเงาของกลุ่มเสื้อแดงอยู่ด้วย รวมทั้งเงาของธรรมกายซ้ำซ้อนกันอยู่ที่พยายามให้เกิดความวุ่นวายในสังคมประเทศ
เบื้องต้นทางตำรวจรับเรื่องร้องเรียนไว้ก่อน พร้อมรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเชิญตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาทำการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานอีกครั้งต่อไป