svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

รีสอร์ทภูทับเบิกหนึ่งใน 19 รายยินยอมรื้อถอน

25 กรกฎาคม 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ความคืบหน้าหลังทางจังหวัดเพชรบูรณ์และทางสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 4 พิษณุโลก มีประกาศคำสั่งรื้อถอน 19 รีสอร์ทบนภูทับเบิกภายใน 30 วัน ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 35/2559 เกี่ยวกับมาตรการแก้ไปปัญหาภูทับเบิก อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์


ล่าสุด รีสอร์ทเจ้าของ ทราบชื่อนายกำธร พลรัตน์ อยู่ที่หมู่ 8 ต.บ้านเนิน 1 ใน 19 รายที่ปิดประกาศคำสั่งรื้อถอนภายใน 30 วัน ได้รื้อถอนอาคารและสิ่งปลูกสร้างเองจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงเศษวัสดุ อาทิ โครงเหล็กหลังคา บานประตู บานหน้าต่างและส้วมชักโครก คัดแยกวางกองไว้บนพื้นเพื่อรอการเคลื่อนย้าย

สำหรับรีสอร์ทของนายกำธร เป็นรีสอร์ทที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ต่อมาคณะทำงานตรวจสอบอาคาร ซึ่งมีโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นหัวหน้าคณะ ตรวจสอบพบว่าตัวอาคารอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยและไม่มั่นคงปลอดภัย มีความเห็นให้รื้อถอน ซึ่งก่อนที่จะมีคำสั่งจากทางจังหวัดเพชรบูรณ์สั่งรื้อถอนภายใน 30 วัน ทางอบต.บ้านเนินได้มีประกาศคำสั่งห้ามมิให้คนเข้าพักอาศัย พร้อมให้งดบริการที่พักแก่นักท่องเที่ยว

จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาพบเห็นคนงานระดมทุบและรื้ออาคาร สิ่งปลูกสร้างในบริเวณรีสอร์ท เมื่อสอบถามคนงานทราบว่าเจ้าของจะขนย้ายวัสดุไปใช้งานที่อื่น โดยรีสอร์ทของนายกำธรถือเป็นรายแรกที่ยินยอมรื้อถอนด้วยตนเอง

สำหรับรีสอร์ทที่ถูกคำสั่งรื้อถอนในส่วนที่เหลืออีก 18 แห่ง ล่าสุดยังคงเปิดให้บริการนักท่องเที่ยว เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดจึงยังมีนักท่องเที่ยวมาพักค้างแรม นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต่างให้ความสนใจกับประเด็นการรื้อถอนรีสอร์ตภูทับเบิก ขณะที่บางรายยังสอบถามผู้ประกอบการด้วยว่า จะมีการรื้อรีสอร์ทบนภูทับเบิกทั้งหมดหรือไม่ ซึ่งผู้ประกอบการยอมรับว่าตอนนี้ยังสับสนและยังไม่มีความชัดเจน

นายจักรพันธุ์ จุลละนันท์ อายุ 47 ปี นักท่องเที่ยวชาวปทุมธานี กล่าวว่า เห็นด้วยหากจะมีการบริหารจัดการพื้นที่ให้เป็นโซนนิ่งเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ แต่รู้สึกเห็นใจผู้ประกอบการที่ต้องถูกรื้อรีสอร์ท หากจะปรับเปลี่ยนมาให้เช่าแทนการทุบรื้อถอนและสามารถนำเงินเข้ารัฐได้ก็น่าจะได้ประโยชน์เช่นกัน การก่อสร้างอาคารและสิ่งปลูกสร้างต่างๆไม่ใช่จะสร้างเสร็จเพียงแค่ 1-2 วัน ฉะนั้นจะโทษผู้ประกอบการเพียงฝ่ายเดียวก็คงไม่ถูกต้องเท่าไหร่ หากเจ้าหน้าที่ห้ามปรามกันตั้งแต่แรกปัญหาคงไม่มาถึงขนาดนี้ และเท่าที่ฟังผู้ประกอบการก็มองว่าทำไมจึงต้องแบ่งกลุ่มเลือกปฏิบัติเฉพาะผู้ประกอบการซึ่งเป็นคนนอกพื้นที่ ตรงนี้ทางที่ดีทางราชการควรเร่งทำความกระจ่าง


logoline