พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า การให้โอวาทในครั้งนี้เป็นเหมือนกับการเอาใจมาแล้วใจ เอาความรักมาให้ อยากจะให้ทุกคนถอยกันคนละ 1 ก้าว เพื่อไม่ให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งเด็กนักเรียนนักศึกษาทุกคนถือว่าเป็นบบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ เป็นแรงงานที่สำคัญของประเทศ ทั้งนี้ตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 30/2559 ซึ่งเป็นมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทะเลาะวิวาทของนักเรียนนักศึกษาได้กำหนดไว้ว่า
1.เจ้าพนักงานสามารถกักตัวนักเรียนนักศึกษาที่ก่อเหตุได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมง ก่อนจะนำตัวนักเรียนนักศึกษาส่งให้แก่สถาบันการศึกษาหรือผู้ปกครอง
2.หากพบนักเรียนนักศึกษากระทำความผิดตามคำสั่งฉบับที่30/2559 จะมีผลให้บิดาหรือมารดามีความผิดด้วยและต้องว่างเงินประกันซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลกำหนดวงเงินไว้2หมื่นบาท กำหดการ 2 ปี หากพบว่าเด็กในความปกครองกระทำความผิดจะถูกยึดเงินประกัน
3.ใครยุยงส่งเสริมห้ฝ่าฝืนประกาศนี้มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 3 หมื่นบาท หากยุยงให้ไปทะเลาะวิวาทจำคุก 6 เดือน ปรับ 6 หมื่นบาท และหากเกิดการทะเลาะวิวาทแล้วมีคนเสียชีวิต มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และ 4.ให้สถานศึกษาจัดกิจกรรมแนะแนวให้เป็นรูปธรรมอย่างเร่งด่วน
"การให้โอวาทชี้แนะแนวทาง และคำสั่ง คสช.ฉบับที่30/2559 ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหานักเรียนทะเลาวิวาทกัน ทั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากน้องๆนักเรียนนักศึกษาด้วย จึงจะสำเร็จ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องยาก" รรท.ผบช.น.กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศหลังจาก พล.ต.ท.ศานิตย์ ให้โอวาทเสร็จแล้วนั้นได้เดินลงมาจับมือ พูดคุย ถ่ายรูป และแจกลายเซนต์กับนักศึกษาที่เข้าร่วมกิจกรรมอย่างเป็นกันเอง