svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เบื้องหลัง"บิ๊กตู่"งัดม.44 เด้ง"ผู้ว่าฯสมุทรสาคร-อัยการ- ขรก.-ตำรวจ" เกียร์ว่างพัวพันค้ามนุษย์

25 มิถุนายน 2559
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

25 มิ.ย. -- เบื้องหลัง"บิ๊กตู่"งัดม.44 เด้งเชือด "พ่อเมืองสมุทรสาคร-อัยการ- ขรก.-ตำรวจ" รวม 23 ราย เซ่น "ซูจี" เยือนพลเมืองหม่อง เกียร์ว่างพัวพันค้ามนุษย์ ขีดเส้น 30 วัน สั่ง "ศอตช."สอบสรุปผล

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงมหาดไทยว่า ภายหลังนางอองซาน ซุจี ประธานพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (NLD) ได้เดินทางมาเยี่ยมแรงงานพม่าในประเทศไทยที่จังหวัดสมุทรสาคร และในช่วงเย็นมีกระแสข่าวสะพัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โฮชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) เตรียมใช้คำสั่ง "คสช." มาตรา 44 โยกย้ายนายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผวจ.สมุทรสาคร พ้นจากตำแหน่งมาประจำกระทรวงมหาดไทย ขณะเดียวกันมีการโยกย้ายอัยการจังหวัด และบุคคลที่เกี่ยวข้องพื้นที่เดียว และพื้นที่อื่นในคำสั่งเดียวกัน เนื่องจากมีรายงานจากคณะทำงานของนายกรัฐมนตรี บุคคลเหล่านี้ แก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าว ไม่บรรลุตามนโยบายรัฐบาลและคสช. ทำให้ประเทศไทยต้องตกอยู่ในบัญชีเทียร์ 3 เกี่ยวกับรายงานการค้ามนุษย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา
ในส่วนของบัญชีรายชื่อข้าราชพลเรือน อัยการ ตำรวจ ที่ถูกโยกย้ายครั้งนี้ ปรากฏว่า เหตุผลที่ระบุส่วนใหญ่เป็นการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลไม่ลุล่วงไปตามนโยบายของรัฐบาลและ คสช. อาทิ เรื่องของการค้ามนุษย์ บ่อนการพนัน สถานบันเทิงอาบอบนวด นาตารี สำหรับในพื้นที่จ.สมุทรสาครเป็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ ในข่ายการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ปัญหาของแรงานต่างชาติ โดยเฉพาะแรงงานชาวพม่า จึงเป็นที่มาของการย้ายเหล่าข้าราชการยกจังหวัด โดยข้อมูลสำนักงานแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ได้สรุปสถานการณ์การจ้างคนต่างด้าวจังหวัดสมุทรสาครประจำเดือนเมษายน 2559 ระบุว่า 1.จำนวนคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงาน จำนวน 219,240 คน ประเภท สัญชาติเมียนมา ลาว กัมพูชา โดยจดทะเบียน คนต่างด้าว 3 สัญชาติ (One Stop Service)จังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2557 - ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2557 จำนวนคนต่างด้าวและผู้ติดตาม 98,718 คน
2. จดทะเบียน คนต่างด้าว 3 สัญชาติ (One Stop Service) จังหวัดสมุทรสาคร ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2558 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2558 จำนวนคนต่างด้าวและผู้ติดตาม 65,000 คน 3. คนต่างด้าว 3 สัญชาติ ที่ได้รับอนุญาตทำงาน จำนวน 211,518 คน แยกเป็น - สัญชาติเมียนมา 196,668 คน - สัญชาติลาว 6,555 คน - สัญชาติกัมพูชา 8,295 คน
ส่งผลให้มีกระแสข่าวในช่วงเย็นจะมีการโยกย้ายข้าราชการล็อตใหญ่หลายราย โดยช่วงดึกที่ผ่านมา เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศคำสั่งของคําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ที่ 33/2559 เรื่อง "ให้ข้าราชการไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาสําคัญเร่งด่วนของประเทศ และเพื่อประโยชน์ ในการตรวจสอบการปฏิบัติราชการอันเป็นแนวทางหนึ่งในการปฏิรูปราชการแผ่นดิน" หัวหน้าคสช. อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 เห็นชอบให้ข้าราชการ ที่ถูกร้องเรียนหรือกล่าวหาว่าปล่อยปละละเลยให้มีการกระทําความผิด เกิดขึ้นในพื้นที่ของตนหรือมีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ หรือดําเนินการหรือไม่ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ จนเกิดความเสียหายแก่ทางราชการและมีมูลอันสมควรตรวจสอบ ระงับการปฏิบัติราชการโดยไม่ขาดจากตําแหน่งเดิม โดยให้ไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานอื่นในสังกัดเดิมเป็นการชั่วคราว ดังนี้
1.นายแมนรัตน์ รัตนสุคนธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ไปปฏิบัติราชการ ในสํานักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย 2.นายวาทิต สุวรรณยิ่ง อัยการจังหวัดนาทวี ไปปฏิบัติราชการในสํานักงาน อัยการสูงสุด 3. นายมาโนช รัมมะสินธุ์ รองอัยการจังหวัดนาทวี ไปปฏิบัติราชการ ในสํานักงานอัยการสูงสุด 4. นายนันทวุธ อุตสาหตัน รองอัยการจังหวัดสมุทรสาคร ไปปฏิบัติราชการ ในสํานักงานอัยการสูงสุด
5.นายทรงวุฒิ โชติมา อุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ไปปฏิบัติราชการ ในสํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงอุตสาหกรรม 6.น.ส.รัตนา พละชัย แรงงานจังหวัดสมุทรสาคร ไปปฏิบัติราชการ ในสํานักงานปลัดกระทรวง กระทรวงแรงงาน 7.พล.ต.ท. วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.9 ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ
8.พล.ต.ต. สรไกร พูลเพิ่ม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการ สํานักงานตํารวจแห่งชาติ 9.พล.ต.ต. กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 10.พล.ต.ต. วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ

11. พ.ต.อ. อรรถวิทย์ สายสืบ รองผบก.น.1 ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 12.พ.ต.อ. ภาสกร กลั่นหวาน ผกก.สภ.สะเดา ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 13.พ.ต.อ. กิตติพงศ์ วิเศษสงวน ผกก.ห้วยขวาง ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ . 14.พ.ต.อ. สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สส.บก.น.1ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 15.พ.ต.อ. ธรากร เลิศพรเจริญ ผกก.1บก.ปคม ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
16.พ.ต.อ. อัมรินทร์ อัมพรมหา ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 17.พ.ต.อ. กิตติภณ แก้วอัมพร ผกก.3 บก.ส.2 ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 18.พ.ต.อ. ทิฆัมพร ศรีสังข์ ผกก.2บก.สส.สตม ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ . 19. พ.ต.อ.อโนทัย แสงเฟือง ผกก.2บก.ตม.1 ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
20.พ.ต.ท. ศาสตร์ศักดิ์ ชัยประเสริฐ รองผกก.ป.สน.ห้วยขวาง ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 21.พ.ต.ท. ศุภภัทร สวัสดี สวป.ห้วยขวาง ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 22.พ.ต.ต. ทิพากร แก้วเปล่ง สว.สส.บก.น.1 ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ 23.พ.ต.ต. นันทพล ทองน่วม สว.งานสายตรวจ1กก.สายตรวจบก.สปพ. ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติการสํานักงานตํารวจแห่งชาติ
ขณะเดียวคำสั่ง "คสช." ระบุให้ศูนย์อํานวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กระทรวงยุติธรรม ได้แจ้งข้อเท็จจริงในการตรวจสอบ การปฏิบัติราชการของผู้นั้นให้หน่วยงานทราบ เพื่อให้ผู้บังคับบัญชาแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยต้องปรากฏผลให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และกรณีที่ไม่อาจดําเนินการให้แล้วเสร็จ ภายในกําหนดเวลา ให้รายงานอัยการสูงสุดหรือรัฐมนตรีเจ้าสังกัดของเจ้าหน้าที่ผู้นั้น และหากผลการตรวจสอบพบว่าผู้ถูกตรวจสอบมีความผิด ให้ผู้บังคับบัญชาดําเนินการทางวินัยและกฎหมายต่อไป ในกรณีที่ไม่พบว่ามี การกระทําความผิดหรือไม่ถึงขั้นต้องดําเนินการทางวินัย ให้เยียวยาแก่ผู้ถูกตรวจสอบโดยให้ไปดํารงตําแหน่ง ในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิมก่อนเข้าสู่กระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายในคราวต่อไป

นอกจากนี้ในการดําเนินการครั้งนี้ให้"ศอตช."รวบรวมข้อมูล ให้กับผู้บังคับบัญชาในทุกหน่วยงานของรัฐ สอดส่องพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หากเห็นว่า ควรปรับปรุงแก้ไข ให้ตักเตือน แนะนํา ย้ายออกนอกพื้นที่ สับเปลี่ยนตําแหน่งหน้าที่การงาน หรือหากมีมูลความผิดให้ดําเนินการทางวินัย โดยคํานึงถึงการให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ผู้นั้น ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาละเว้นหรือบกพร่องในการปฏิบัติ ให้ผู้บังคับบัญชาเหนือชั้นขึ้นไปรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ โดยคําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.

logoline