"PRIMETIME กับ เทพชัย" : ผ่าถุงเงิน"ธรรมกาย"
ตึก อาคาร ในพื้นที่กว่า 2 พันไร่ที่เห็น บอกได้ถึงความยิ่งใหญ่ และมั่งคั่งของวัดพระธรรมกาย แต่มีคำถามตามมาว่าวัดแห่งนี้นำเงินมาจากไหนในการก่อสร้าง
Primetime พบข้อมูลว่า วัดพระธรรมกาย มีช่องทางหาเงินเข้าวัด 4 ทาง
ช่องทางแรก คือ เงินทำบุญโดยตรงกับเจ้าอาวาส ที่เรียกว่า เอ็มพีแอล (MPL) หรือ มายปาป้าเลิฟ (My Papa Love) ในรูปของเงินสด ที่ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ มีพระ 3-4 รูปดูแล
ช่องทางที่ 2 เงินบริจาคให้วัด และ 6,968 สาขาในประเทศ รวมไปถึงสาขาในต่างประเทศอีก 230 กว่าสาขา
ช่องทางที่ 3 การบริจาคระบบเงินผ่อน มีสหกรณ์เครดิตยูเนียนมงคลเศรษฐี เป็นผู้ปล่อยกู้ โดยมีเงื่อนไขให้นำเงินมาบริจาคให้วัดหรือเจ้าอาวาส โดยที่ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน
ช่องทางที่ 4 คือ การเปิดมูลนิธิและจัดตั้งบริษัทในเครือข่าย อีกหลายแห่ง โดยมีมูลนิธิธรรมกายที่เปรียบเหมือนกิ่งไม้ใหญ่ เป็นผู้นำร่องระดมทุนมาซื้อที่ดินสำหรับจัดตั้งวัดในช่วงเริ่มแรก 196 ไร่
สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี ที่ตั้งอยู่ภายในวัดธรรมกายแห่งนี้ เป็นอีกแห่งที่หนึ่งที่ถูกตั้งคำถาม ถึงความเกี่ยวโยงกับพระธัมมชโย และเป็นแหล่งเงินให้กับธรรมกาย ในการระดมเงินมาปล่อยสินเชื่อเพื่อการกุศล ให้สมาชิกกว่า 1 หมื่น 5 พันคน กู้เงินไปทำบุญกับวัดพระธรรมกาย
สหกรณ์แห่งนี้ ก่อตั้งโดย ศุภชัย ศรีศุภอักษร และคณะ รวม 44 คน เมื่อเดือนมีนาคม 2543 มีทรัพย์สินเริ่มต้นราว 50,000 บาท เมื่อย้อนดูประวัติ การจัดตั้งสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนมงคลเศรษฐี ในเว็บไซด์ของสหกรณ์ พบว่าพระธัมมชโยมาเกี่ยวข้องในหลายเรื่อง
ตราสัญลักษณ์ รูปสองมือโอบจักรวาลตรงกลางเป็นรูปสามเหลี่ยม และชื่อสหกรณ์ที่เห็นอยู่นี้ เป็นตราสัญญลักษณ์และชื่อที่พระธัมมชโยตั้งให้
ที่น่าสนใจคือ เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2547 พระธัมมชโย ได้อวยพรให้สหกรณ์แห่งนี้มีแต่ความเจริญรุ่งเรือง โดยใช้คำว่า ให้บิลล์ เกตท์ เป็นเศษสตางค์ของมงคลเศรษฐี
ในปี 2556 สหกรณ์เครดิตยูเนียนมงคลเศรษฐี เป็นสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่มีสินทรัพย์เป็นอันดับสองของประเทศ กว่า 2,665 ล้านบาท ก่อนจะลดลงเหลือ 1,378 ในปี 2558
ถ้าดูจากมูลค่าธุรกิจ จะเห็นได้ว่าในปี 2553 ถึง 2556 เป็นช่วงยุคเฟื่องฟูของสหกรณ์แห่งนี้ โดยเฉพาะในปี 2556 ถือเป็นปีทอง ที่มีมูลค่าทางธุรกิจเกือบ 4 พันล้านบาท และเป็นปีที่ปล่อยกู้ใหกับสมาชิกสูงสุดกว่า 1,774 ล้านบาท ก่อนจะลดลงเหลือ 537 ล้านบาทในปี 2558
หลังตกเป็นข่าวว่ามีความเกี่ยวพันกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เพราะมีอดีตผู้บริหารและผู้ก่อตั้งสหกรณ์ทั้ง 2 แห่ง เป็นคนเดียวกัน คือ ศุภชัย ศรีศุภอักษร
"ดีเอสไอเขาวิเคราะห์ให้ผมดูว่าเงินมันไปไหนบ้าง เหมือนกับปีผีเสื้อ 2 ปีก ปีกหนึ่งเป็นปีกใหญ่ อันนั้นเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายและสาขาต่างๆ อีกปีกเป็นปีกเล็กเป็นภาคธุรกิจของศุภชัย"