นักธุรกิจหมื่นล้านชาวอินเดีย แจงสื่อ กรณีฟ้อง พี่-น้องสาว เรื่องแบ่งมรดก ระบุ อยากได้ความยุติธรรม

ที่อาคาร ฮายวายทาวเวอร์ ซอยสุขุมวิท 23 เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 30 เมษายน นายกมล พิชิตสิงห์ นักธุรกิจหมื่นล้านชาวอินเดีย ได้ชี้แจงข่าวอีกครั้งต่อสื่อมวลชน หลังจากเมื่อวานนี้ได้ไปยื่นหนังสือที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล โดยในหนังสือระบุว่า ตนชืื่อนายกมล พิชิตสิงห์ อายุ 64 ปี นักธุรกิจโรงงานผลิตเส้นด้ายสมุทรสาคร ชาวอินเดีย ขอยื่นหนังสือขอความเป็นธรรม กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย หลังจากเจ้าหน้าที่ของรัฐปฎิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ยุติธรรม โปร่งใส เรียกรับผลประโยชน์ในคดีที่พี่สาวของนายกมลร่วมกันฆ่านางรจิต พิชิตสิงห์ มารดา โดยนำยาอันตรายให้รับประทานทุกวันเป็นเวลานานหลายปี กระทั่งเสียชีวิต เมื่อปี 2556 ด้วยระบบหัวใจล้มเหลว

นายกมล ระบุว่า เมื่อปี 2553 ตนได้ฟ้องร้องพี่สาวและน้องสาวรวม 3 คน เพื่อขอให้แบ่งทรัพย์มรดกและกำจัดมิให้รับมรดก จำนวน 1,700 ล้านบาท ที่สน.ทองหล่อ แต่ก็แพ้คดี เนื่องจากมิได้วิ่งเต้นล้มคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐบางคนที่เรียกรับผลประโยชน์ มีการช่วยเหลือผู้กระทำผิด ส่วนคดีวางยาฆาตกรรมมารดานี้ ตนเกรงว่าจะเกิดการวิ่งเต้นอีก จึงมายื่นร้องขอความเป็นธรรม ทั้งนี้ ตนหมดที่พึ่งแล้ว จึงขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรี เพื่อคืนความถูกต้อง ให้ตรวจสอบในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างตรงไปตรงมา นำคนผิดมาดำเนินคดี กำจัดขบวนการเจ้าหน้าที่รัฐที่กระทำทุจริต เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมของไทยสามารถให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ได้รับความเสียหายได้อย่างแท้จริง

นายกมล กล่าวต่อว่าหลังจากที่ตนได้ไปยื่นหนังสือกับนายกรัฐมนตรีและก็ไปออกรายการทีวีรายการหนึ่ง และต่อมาทางรายการก็ได้เชิญพี่สาว-น้องสาวคู่กรณีมาออกรายการ ทราบว่าทางฝ่ายนั้นได้พูดจาโกหกหลายอย่างมากและที่มาชี้แจงกับสื่อมวลชนอีกครั้งเนื่องจากอยากจะขอความเป็นธรรมกับทางสืื่อมวลชน พร้อมทั้งนำหลักฐานที่เป็นรูปถ่ายขณะเข้าไปช่วยแม่ออกจากบ้านแต่ตนไม่สามารถที่จะเข้าไปในบ้านหลังนั้นได้ กระทั่ง5 เดือนต่อมาทราบแม่ได้เสียชีวิต โดยตนไม่ได้พบศพเลยนอกจากนี้ยังแสดงภาพถ่ายรูปยาที่พบเจออยู่ในห้องนอนของแม่ ซึ่งทราบว่าเป็นยานอนหลับและยาคลายเครียด ที่แม่ทานกระทั่งเสียชีวิต และแม่ก็ไม่ทานยาแบบนี้ด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลตนพบว่า ได้มีพี่-น้อง ไปซื้อยานอนหลับและยาคลายเครียดจากร้านหนึ่งย่านพาหุรัด และตนยังทราบว่ามีการสลับเปลี่ยนยาหลายอย่างให้แม่ทานจนกระทั่งเสียชีวิต นอกจากนี้ยังทราบว่ามีการช่วยเหลือกันไปถึงหลายหน่วยงานด้วย ที่เกี่ยวกับคดีนี้

ผมไม่ต้องการมรดก ผมเพียงต้องการความยุติธรรมเท่านั้นและต้องการเอาคนผิดมาลงโทษ ขณะนี้ตำรวจได้ออกหมานจับหมดแล้ว 3 คนและยังอยู่ในขบวนของศาลนายกมล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีหลักฐานในการประพฤติมิชอบของกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ นายกมล กล่าวว่าตนได้ส่งให้กับนายกรัฐมนตรีหมดแล้ว