นิสิตม.เกษตรฯขอโทษ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ - ปัดฆ่าแมว

เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ศ.สุภา หารหนองบัว คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อม ผศ.สุดเขตต์ นาคะเสถียร คณบดีคณะเกษตร และนายฐิติพงศ์ โกศลจันทรยนต์ นิสิตชั้นปีที่ 4 ภาควิชากีฏวิทยา คณะเกษตร ม.เกษตรศาสตร์ ฐานะเจ้าของโพสต์ ร่วมแถลงผลการตรวจสอบกรณีโพสต์ภาพกระดูกแมวและคว้านท้องกระต่ายลงโซเชียลเน็ตเวิร์ก โดย ศ.สุภา กล่าวว่า นิสิตเจ้าของโพสต์ลงเรียนวิชามิวเซียม คอลเลกชั่น คณะวิทยาศาสตร์ ที่ศึกษาเกี่ยวกับซากสัตว์ทดลอง เมื่อฤดูร้อนปี 2556 ที่ผ่านมา โดยแต่ละกลุ่มทดลองจะได้รับซากหนูกลุ่มละหนึ่งตัว แต่กลุ่มของนิสิตทำซากหนูตัวอย่างเสียหาย และไม่สามารถหาซากหนูที่สมบูรณ์มาทดลองได้

ขณะเดียวกัน เมื่อเพื่อนบ้านของนิสิตได้นำซากแมวที่ตายไปแล้วสองวันมาฝากไว้ที่ผู้ปกครองของนิสิต เพราะคิดว่าเป็นสัตว์เลี้ยงของที่บ้าน ทางนิสิตจึงขออนุญาตผู้ปกครองนำซากแมวมาทำโครงกระดูกเพื่อส่งงาน พร้อมแจ้งอาจารย์ประจำวิชาว่า แมวตายจากอุบัติเหตุรถชน ทั้งที่ไม่มีใครทราบสาเหตุการตายที่แท้จริง ส่วนซากกระต่ายจำนวน 6 ตัวนั้น เป็นซากกระต่ายของเพื่อนบ้านที่ถูกสุนัขกัด นิสิตจึงขอนำซากมาเพื่อประกอบการเรียนการสอนในวิชานี้เช่นกัน

ศ.สุภา บอกอีกว่า จากการสอบสวนนิสิตและอาจารย์เจ้าของวิชายืนยันและเชื่อได้ว่านิสิตไม่ได้เป็นคนฆ่าเพราะแมวตายก่อนหน้านั้นเป็นเวลาสองวัน ส่วนกระต่ายของเพื่อนก็ตายจากการขย้ำของสุนัขจริง ขณะที่การโพสต์อ้างถึงการขโมยแล้วฆ่าแมวของคุณยายข้างบ้านก็เป็นไปเพราะความสนุกคึกคะนองของเจ้าตัว โดยคณะกรรมการพร้อมจะดำเนินการอบรมตักเตือนและติดตามความประพฤติของนิสิตรายนี้เป็นกรณีพิเศษต่อไป
นิสิตได้นำกระดูกมาให้เพื่อนในกลุ่มช่วยกันประกอบโครงร่างที่ห้องปฏิบัติการ เมื่อทำเสร็จได้เก็บไว้ใช้สำหรับการเรียนการสอนในวิชานี้ ทางพิพิธภัณฑ์ของภาควิชาจึงได้ขอมาจัดแสดง นิสิตไปเห็นจึงถ่ายรูปโพสต์ในเฟซบุ๊กดังเป็นข่าวและคุยเพื่อให้เกิดความสนุกในการคุยกับเพื่อนในสื่อออนไลน์เท่านั้น ศ.สุภา กล่าว และว่า สำหรับวิชามิวเซียม คอลเลกชั่น คณะวิทยาศาสตร์ ศ.สุภา ย้ำว่า เป็นวิชาที่ศึกษาถึงแหล่งกำเนิดและพัฒนาการของสัตว์ผ่านการศึกษาซากหนูซึ่งเป็นสัตว์ทดลองที่มีขนาดเล็กที่สุด โดยจะเป็นการขอความอนุเคราะห์ซากหนูจากหน่วยงานทางวิชาการหรือสวนสัตว์ ซึ่งถูกต้องตามหลักจรรยาบรรณและถูกต้องตาม พ.ร.บ.สัตว์ทดลองทางวิทยาศาสตร์ ปี 2558 ทุกประการ

ขณะที่ นิสิตเจ้าของโพสต์ นายฐิติพงศ์ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจและสำนึกผิดต่อการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์จนสร้างความเสียหายให้แก่คณะและมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงอยากขอโทษต่อสังคมและอยากให้เป็นกรณีตัวอย่างต่อนิสิตนักศึกษาคนอื่นๆ ต่อไป