วันนี้(8ก.พ.)มีการเสวนาทางออกปัญหาที่ดินราไวย์ การปฏิรูประบบการออกเอกสารสิทธิ์ ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย โดยผู้จัดการมูลนิธิชุมชนไท นางปรีดา คงแป้น บอกว่า การแก้ไขปัญหาของกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเลบนหาดราไวย์ เบื้องต้นควรให้มีการบรรเทาในเรื่องสาธารณูปโภค และเร่งรัดกรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ของเอกชนบางส่วนและมีมาตรการคุ้มครองพื้นที่พิธีกรรมและพื้นที่ทางจิตวิญญาณ
ทั้งนี้ พัฒนาการของปัญหาเห็นได้ชัดถึงการถูกรุกจากเอกชน บนพื้นฐานของข้อกฏหมายและคดีความ รวมถึงแผนพัฒนาจังหวัดภูเก็ตเป็นพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวระดับโลก ส่งผลเบียดขับรุกรานแบ่งชิงที่ดินและทรัพยากรทางทะเล โดยทัศนคติโดยรวมของสังคมไทย โดยเฉพาะคนภูเก็ตมองว่าชาวเลเป็นพลเมืองชั้น 2
ด้าน ดร.ชยันต์ วรรธนะภูติ นักวิชาการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ศูนย์ศึกษาชาติพันธุ์สัมพันพันธ์และการพัฒนา ม.เชียงใหม่ บอกว่า จากเอกสารวิชาการพบว่าชาวเลเขามาอาศัยในหาดราไวย์อยู่มากว่า 300 ปี ขณะที่การศึกษาข้อมูลย้อนหลังด้วยผังครอบครัวหรือสาแหรกตระกูลที่ย้อนหลังได้ถึง 210 ปี มีวิถีชิวิตทั้งด้านการทำประมงดั้งเดิม รวมถึงมีการทำการเกษตรทั้งการทำข้าวไร่ และนาข้าว ซึ่งไกล้เคียงกับการอ่านแปลงภาพถ่ายตั้งแต่ พ.ศ.2493
รวมถึงความเป็นมาในพื้นที่ที่เป็นทางการคือ การเสด็จเยี่ยมราษฎร์ชาวราไวย์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นการออกโฉนดมีความชอบธรรมหรือไม่ การออกโฉนดเหล่านี้มีที่มาได้อย่างไร แต่ปัจจุบันการข้อร้องให้เพิกถอนโฉนด ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากส่วนราชการ