ชมรมคนรักในหลวงร้องเอาผิดทูตสหรัฐ "หมิ่นกฎหมายเบื้องสูง"

หน้าศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นางพัชรา มีภู่ ประธานชมรมคนรักในหลวง และสมาชิกกว่า 40 คน เข้ายื่นหนังสือคำร้องแก่นายสุวิทย์ คำดี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา จากกรณีเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 58 ณ เวทีสโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ นายเกล็น ทาวน์เซนต์ เดวีส์ เอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย โดยมีข้อความที่สำคัญว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นกฎหมายที่ขัดขวางเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน การแสดงความคิดเห็นอย่างสันติไม่ควรถูกจำคุก และศาลไทยยังได้พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยด้วยความรุนแรงยาวนาน นอกจากนั้น นายเกล็น กล่าวว่า สหรัฐจะให้การสนับสนุนบุคคลหรือองค์กรอิสระที่มีศักยภาพ ค้นคว้าและรายงานในประเด็นกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพของไทย โดยไม่ต้องเกรงกลัวอันตราย
นางพัชรา กล่าวว่า การกระทำของนายเกล็น ซึ่งเป็นเอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ อีกทั้งการกล่าวในลักษณะให้บุคคลอื่นๆ มีความเคลือบแคลง สงสัย ต่อกฎหมายฉบับนี้ ย่อมถือได้ว่าเป็นพฤติการณ์ที่ไม่เหมาะสมต่อทางการทูต และมีความเสี่ยงต่อการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตราที่ 112 (3) อีกด้วย ดังนั้นทางชมรมคนรักในหลวง ที่เดินทางมาร่วมยื่นหนังสือในวันนี้ต้องการให้กระทรวงต่างประเทศของไทยมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงและพิจารณา ที่นายเกล็น ออกมาวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายไทย เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและอธิปไตยของประเทศไทย

ขณะที่นายสถาพร สิริพรหมมา ประธานชมรมคนรักในหลวงชัยภูมิ พร้อมตัวแทนสมาชิกชมรม เข้ายื่นหนังสือผ่านนายชูศักดิ์ ตรีสาร ผู้ว่าราชการ จ.ชัยภูมิ ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ต่อกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการโต้ตอบทางการทูต เพื่อเป็นการปกป้องศักดิ์ศรี และอธิปไตยของชาติไทย
ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดภูเก็ต นำโดยนายมงคล รัตนะ ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยสมาชิกชมรมจำนวน 150 คน  พร้อมแผ่นป้ายข้อความต่างๆ อาทิ อเมริกามีกฎหมายห้ามแตะต้องประธานาธิบดี มาตรา 112 ของไทยก็ปกป้องพระราชาของแผ่นดิน, บรรพบุรุษไทยเป็นผู้ก่อตั้งชาติไทย  ฯลฯ  ได้ยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ผ่านทางนายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินการตอบโต้ทางการทูต ในการปกป้องศักดิ์ศรี และอธิปไตยของชาติ จากกรณีเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยวิจารณ์กฎหมายไทย ม.112 ทั้งนี้ ก่อนการยื่นหนังสือได้มีการอ่านแถลงการณ์ของชมรมฯ ด้วย
ในวันเดียวกัน ชมรมคนรักในหลวงจังหวัดบุรีรัมย์กว่า 30 คน เข้ายื่นหนังสือแถลงการณ์ต่อ นายเสรี ศรีหะไตร ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อแสดงพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และอธิปไตยของไทย  โดยนางนิ่มนวล พฤกษ์ปัญญากุล ประธานชมรมคนรักในหลวง จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ที่ชมรมคนรักในหลวงได้ร่วมกันเข้ายื่นหนังสือแถลงการณ์ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดในครั้งนี้ เพื่อเป็นการแสดงพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และอธิปไทยของไทย จากกรณีที่เอกอัครทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ได้แสดงความเห็นวิจารณ์กฎหมายไทย และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และพิจารณาดำเนินการตามวิถีทางการทูต เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี และอธิปไตยของประเทศไทยด้วย

ที่จังหวัดตรัง  ตัวแทนสมาชิกชมรมคนรักในหลวงจังหวัดตรังราว 150 คน สวมใส่เสื้อตราสัญลักษณ์ชมรม สีชมพู พร้อมป้ายข้อความชมรมคนรักในหลวงจังหวัดตรัง และป้ายประท้วงสหรัฐอเมริกาและเอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกา เช่น คนไทยไม่ใช่...ขี้ข้าอเมริกา, ทูตมะกัน ออกไป, เราคนไทย รักในหลวง, เราคนไทย..พร้อมปกป้องสถาบันด้วยชีวิตนำโดยนายสุรพล วิชัยดิษฐ ประธานชมรมคนรักในหลวงจังหวัดตรัง เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อนายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ไปถึงรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ทำเรื่องประท้วงสถานฑูตและรัฐบาล สหรัฐ ที่ก้าวก่ายกิจการภายใน และสถาบันกษัตริย์ของไทย

ที่หน้าศาลากลางจังหวัดนครศรีธรรมราช ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ในนามชมรมคนรักในหลวง นำโดยนายแพทย์ยุทธนา ศิลปรัสมี ได้รวมตัวที่ลานหน้าศาลากลาง กว่า 300 คนต่างสวมเสื้อสีชมพู เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์พร้อมได้แจกจ่ายแถลงการณ์ของชมรมคนรักในหลวง แสดงความไม่พอใจ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ต่อมา  นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มารับหนังสือเพื่อรายงานไปยังรัฐบาล โดยระบุว่า เป็นเรื่องที่ดีมากที่คนไทยร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ คนไทยหลายจำนวนมากต่างไม่พอใจในเรื่องนี้แต่ไม่ได้มีกิจกรรมในการแสดงออกเช่นกลุ่มที่มีองค์กรชัดเจน ซึ่งต้องขอขอบคุณและพร้อมที่จะสนับสนุนในการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ของประชาชนอย่างเต็มที่