เจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชุมพร ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบ และประสานไปยังสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 14 เพื่อขอทุ่นมาใช้สำหรับการเก็บกวาดคราบน้ำมัน แต่สภาพอากาศช่วงนี้มีคลื่นลมแรง จึงทำให้ไม่สามารถดำเนินการได้
นายอำเภอหลังสวน ว่าที่ ร.ต.กิตติภพ รอดดอน บอกว่าสถานการณ์ปัจจุบัน ยังไม่น่าเป็นกังวล โดบเบื้องต้นคาดว่า สาเหตุน่าจะมาจากการที่เรือประมงเทน้ำมันเสียลงในทะเล จนเกิดตกตะกอน เมื่อมีมรสุมจึงทำให้ถูกพัดขึ้นมาบนชายฝั่งดังกล่าว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่มีผลกระทบร้ายแรงเหมือนกับที่เคยเกิดใน จ.ระยอง หรือ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ด้าน เฟซบุ๊ค ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการจาก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสข้อความระบุ ในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยโดนคราบน้ำมันอย่างรุนแรง 8 แห่ง ตั้งแต่สมุทรสาครถึงสงขลา โดยคราบน้ำมันที่ชุมพร คาดว่าอาจเกิดจาก 2 แหล่ง คือ คราบน้ำมันที่ GISTDA สำรวจพบเมื่อวันที่ 23 บริเวณกลางอ่าวไทยตอนใน เคลื่อนที่ตะวันตกเฉียงใต้ จิสด้าวิเคราะห์ความเร็วว่าไม่มาก แต่อาจเป็นช่วงวันที่ 21-23 คลื่นลมสงบและลมไม่แรง หลังจากนั้นลมหนาวเข้า พัดแรงลงใต้ จึงอาจข้ามมาจนถึงชุมพร
"หากมองย้อนกลับไป ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม คราบน้ำมันถล่มหัวหิน ยันถึงวันนี้ เราเจอปัญหาคราบน้ำมันในระดับแรงและแรงมาก ตั้งแต่สมุทรสาคร-สงคราม เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร หัวไทร และระโนด ตามหากดูจากแผนที่จะเห็นตำแหน่งและความรุนแรงที่เกิดขึ้น" ดร.ธรณ์ กล่าว