เมื่อวันที่ 29 กันยายน เวลา 09.00 น.ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในพิธีเทิดเกียรติและอำลาชีวิตราชการทหารของนายทหารชั้นนายพล ปี 2558 จำนวน 332 นาย โดยทรงวางพานพุ่มและจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ( ร.5) ณ ศาลาวงกลม โดยมี พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และ ผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ตลอดจนคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ เข้าเฝ้ารับเสด็จ
จากนั้นเสด็จพระราชดำเนิน เข้าห้องประชุมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ทอดพระเนตร การฉายสไลด์มัลติวิชั่น พระราชประวัติ และผลพระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติตั้งแต่ทรงเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ ในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2523 เป็นอาจารย์ประจำกองวิชากฎหมายและสังคมศาสตร์ ส่วนการศึกษา โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยในช่วงแรก ทรงสอนวิชาประวัติศาสตร์ไทย สังคมวิทยา พร้อมปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในงานบริหาร งานการสอน และงานวิชาการอื่นๆ ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในฐานะ "ทูลกระหม่อมอาจารย์" ของนักเรียนนายร้อย โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า อย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลากว่า 35 ปี ทรงทุ่มเทเวลาให้กับการทรงงานอย่างจริงจัง ด้วยมีพระราชประสงค์ที่จะฝึกให้นักเรียนนายร้อยรู้จักคิด รู้จักตัวเอง คือ ให้รู้ว่าเราเป็นใคร มาจากที่ใด และกำลังจะไปทางไหน
ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสอนที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครั้งสุดท้าย ในรายวิชาไทยศึกษา ให้กับนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 2 เมื่อวันศุกร์ที่ 25 กันยายน 2558 ที่ผ่านมา
จากนั้น นักเรียนนายร้อย ได้กล่าวถวายอาเศียรวาทราชสดุดี ผู้แทนลูกศิษย์ ตั้งแต่นักเรียนเตรียมทหารรุ่น 18 จนถึงปัจจุบัน ถวายราชสดุดี ตามด้วยการกล่าวคำถวายราชสดุดีของ ผู้บัญชาการทหารบก ว่า การปฏิบัติพระราชกรณียกิจในราชการตั้งแต่ปี 2523 ตราบจนเกษียณอายุราชการนั้น ทรงเป็นต้นแบบของแม่พิมพ์อันประเสริฐที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้กับศิษย์ ที่นอกจากจะเป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตและการประกอบวิชาชีพแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังให้เกิดความรู้และเข้าใจในประวัติศาสตร์ความเป็นชาติ อันจะนำไปสู่ความรับผิดชอบ ความมีอุดมการณ์ และความรักหวงแหนในชาติบ้านเมือง ซึ่งจะขอน้อมนำแนวทางการทรงงานไปเป็นแบบอย่างในการประพฤติปฏิบัติเพื่อประโยชน์อันถาวรของประชาชนและประเทศชาติต่อไป
ทั้งนี้ พล.อ. อุดมเดช ได้ทูลเกล้าทูลกระหม่อม ถวายของที่ระลึก แด่ พล.อ.หญิง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประกอบด้วย ใบประกาศเกียรติคุณของกองทัพบก หนังสือที่ระลึกของกองทัพบก ของที่ระลึกจากเหล่าทหารราบ และ กระบี่สั้นนักเรียนนายร้อย
ต่อจากนั้นเวลา 10.00 น. พล.อ.หญิงสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเสด็จประทับพลับพลาพิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติ บริเวณลานกองบัญชาการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า
โดย พล.อ.อุดมเดช กล่าวถวายรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดงานสวนสนามเทิดพระเกียรติว่า พิธีสวนสนามเทิดพระเกียรติและเทิดเกียรติในวันนี้ กองทัพบกจัดถวายเพื่อเฉลิมพระเกียรติยศสูงสุด เป็นการน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงมีต่อกองทัพบกและโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ทรงรับราชการและเพื่อเป็นการแสดงกตเวทิตา ตอบแทนคุณความดี เชิดชูเกียรติ และเป็นขวัญกำลังใจให้กับนายทหารชั้นนายพลที่จะครบเกษียณอายุราชการและลาออกก่อนครบเกษียณอายุราชการ ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่มาด้วยความวิริยะ อุตสาหะ มาตลอดชีวิตราชการทหาร ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ข้าพระพุทธเจ้า ขอพระราชทานพระราชานุญาตกราบบังคมทูลอันเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาท พระราชทานพระราโชวาท
พล.อ.หญิง สมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานพระราโชวาท แก่ผู้มาร่วมพิธีว่า ขอขอบใจท่านทั้งหลาย ในวาระที่จะเกษียณอายุราชการ ความปราถนาดีของท่านทั้งหลายที่แสดงต่อข้าพเจ้ามีคุณค่าสูงสง ทำให้ข้าพเจ้าซาบซึ้งใจและจะจำไว้ไม่ลืมเลือน การที่ข้าพเจ้าเข้ามารับราชการ เป็นอาจารย์ ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เกิดจากความมีใจรักที่จะเพิ่มพูนความรู้ ถ่ายทอดประสบการณ์ให้บุคคลอื่น และปรารถนาจะสร้างสรรค์สิ่งอันเป็นประโยชน์แก่สังคมและประเทศชาติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในฐานะที่เป็นพลเมืองไทยคนหนึ่ง ข้าพเจ้าจึงมีความภูมิใจที่ได้มีส่วนในการพัฒนา สติปัญญา และวิสัยทัศน์ให้กับนักเรียนนายร้อย ผู้ที่จะเป็นอนาคตของกองทัพบกและชาติบ้านเมืองต่อไป ซึ่งหมายถึงการได้ร่วมสร้างความเข้มแข็ง ให้แก่กองทัพบก สถาบันอันเป็นเสาหลักด้านความมั่นคงของชาติ ที่มีภาระหน้าที่อันสำคัญในการสร้างเสริมความมั่นคง ปลอดภัยของชาติและความสงบสุขของสังคม
นับตั้งแต่ข้าพเจ้ารับราชการจนถึงปัจจุบันนี้ ข้าพเจ้าปลื้มปิติใจที่ได้เห็นลูกศิษย์แต่ละรุ่น เจริญเติบโตและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน สร้างประโยชน์แก่ส่วนรวมในฐานะที่เป็นทหารและประชาชนชาวไทย จึงขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนทำหน้าที่ของตนให้บรรลุผลและขอให้ช่วยผดุงเกียรติของสถานศึกษาแห่งนี้และรักษาเกียรติของตนไว้ให้มั่นคง ทั้งมีความสำนึกในคุณแผ่นดิน สุจริตใจปฏิบัติภารกิจน้อยใหญ่ให้ผสานสอดคล้อง เกื้อกูลกัน โดยยึดถือเอกราช อธิปไตย ของชาติ และประโยชน์สุขอันยั่งยืนของประชาชนเป็นจุดหมายสูงสุด ข้าพเจ้าขอถือโอกาสนี้อวยพรให้ทุกท่านที่มาร่วมพิธีมีแต่ความสุขสวัสดี เจริญด้วยจตุรพิธพรชัยโดยทั่วกัน
จากนั้น พล.ต.ศรีศักดิ์ พูนประสิทธิ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่2รักษาพระองค์(พล.ร.2 รอ.) ทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองผสม จำนวน 3 กรมสนาม ประกอบด้วย กรมสวนสนามที่1 จำนวน 3 กองพัน กรมสวนสนามที่ 2 จำนวน 3 กองพัน และกรมสวนสนามที่ 3 จำนวน 4 กองพัน รวม 10 กองพันสวนสนาม ประกอบด้วย ขบวนจักรยานยนต์ทางยุทธวิธีจากกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ขบวนวงดุริยางค์กองทัพบก ขบวนกองบังคับการกองผสม ขบวนหมู่ธงตราสัญลักษณ์ 60 พรรษา ขบวนหมู่ธงสีของกองทัพบก ขบวนสวนสนามของกรมสวนสนามที่ 1-3 ขบวนกองทหารม้าเกียรติยศถือธงตราสัญลักษณ์ 60 พรรษา ขบวนอากาศยานเฮลิคอปเตอร์แบบต่างๆ จำนวน 12 ลำ ขบวนอากาศยานประเภทปีกติดลำตัว ทำการบินปล่อยควันสีลายธงชาติไทย จำนวน 3 ลำ ซึ่งกำลังพลสวนสนามได้ร่วมขับร้องเพลง พระเทพแห่งไทย โดยมีเหล่าทหารร่วมเปล่งเสียงทรงพระเจริญไปอย่างกึกก้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านั้นเวลา 08.15 น. นายทหารชั้นนายพลอาวุโส อัตราจอมพลที่จะเกษียณอายุราชการในปีนี้ 10 นาย ประกอบด้วย พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ปลัดกระทรวงกลาโหม ,พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ,พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.ภูดิศ ทัตติยโชติ เจรทหารทั่วไป (พล.อ.ชาตรี ทัตติ), พล.อ.ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ รองปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.วิชิต ศรีประเสริฐ รองปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และรองผู้บัญชาการทหารบก ,พล.อ.หม่อมหลวง ประสพชัย เกษมสันต์ ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกระทรวงกลาโหม ,พล.อ.อักษรา เกิดผล ประธานคณะที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ร่วมวางพานพุ่มและจุดธูปเทียน เครื่องทองน้อย ถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5)
ก่อนจะเข้าร่วมพิธีเทิดเกียรติและอำลาชีวิตราชการของนายทหารชั้นนายพลพร้อมมอบของที่ระลึก ในช่วงบ่ายที่ห้องประชุมโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้าสำหรับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ