ไข้เลือดออกระบาดหนักราชบุรี ตายแล้ว 6 ราย

ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 6 ราย มีผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมกว่า 2,600 ราย ถือเป็นอันดับ 4 ของประเทศ มีผู้เสียชีวิตมากสุดคือ อ.สวนผึ้ง จำนวน 3 ราย อ.โพธราม 1 ราย อ.บ้านโป่ง 1 ราย และพื้นที่ อ.เมือง 1 ราย 
ข้อมูลล่าสุดนั้นถึงวันที่ 28 ส.ค.58 ซึ่งมีอัตราการป่วยที่สูงที่สุดในช่วงเดือนกรกฎาคม ซึ่งมียอดการป่วยถึง 700 กว่าราย ซึ่งจะต้องมีการเฝ้าระวังและควบคุมโรคอย่างใกล้ชิด มีการตั้งวอร์มรูมในการควบคุมโรคในแต่ละอำเภอ ที่มีการระบาดของโรค โดยมีนายอำเภอเป็นคนนั่งหัวโต๊ะ เพื่อควบคุมการระบาดให้มันหยุดและไม่ให้พื้นที่มากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการรณรงค์ไม่ให้เกิดลูกน้ำยุงลาย ก่อนที่จะมีการระบาดเป็นระยะๆอยู่แล้วตามมาตราฐาน เช่น การใส่ทราย การพ่นยาในยุงตัวแก่ ซึ่งถ้าพบผู้ป่วย เราก็จะต้องไปตรวจในระยะ 100 เมตร ในผู้ป่วยที่สงสัยว่าอาจจะป่วยด้วยโรคไข้เลือดออก ซึ่งแค่สงสัยก็ต้องดำเนินการเข้าไปพ่นยา หยอดทราย ซึ่งถ้าพบว่ามีไข้เกิน 2 วัน ให้สงสัยก่อนว่าอาจจะเป็น ก็ขอให้รีบไปพบแพทย์ ซึ่งการประชาสัมพันธ์นั้นก็จะมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่พบผู้ป่วย แพทย์หญิงปาจรีย์ กล่าวอีกว่า ปัญหาที่พบคือ การตระหนักของประชาชน เพราะสุดท้ายเรื่องของการระบาดนั้น ไม่ใช่แค่ทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขออกไปป้องกัน แต่ประชาชนต้องให้ความร่วมมือในการป้องกัน ซึ่งมีมาตราการทั้งหมด 5 ป. คือ การปิดฝาโอ่งน้ำ การเปลี่ยนถ่ายน้ำทุก 7 วัน ในภาชนะต่างๆ การปล่อยปลาในแอ่งน้ำเพื่อให้ปลาไปทำลายวงจรลูกน้ำยุงลายที่เป็นต้นเหตุให้เกิดโรค การปรับปรุงเก็บกวาดบ้านเรือนให้สะอาดอยู่เสมอ และการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าทำได้ทั้งหมด ก็จะสามารถทำให้ชุมชนปลอดจากโรคไข้เลือดออกด้วย