svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

พบ"สารชีวพิษ"ในปลาเส้น-นมผง-การแฟ

27 สิงหาคม 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

27ส.ค.2558-กรมวิทย์สุ่มตรวจสารชีวพิษในอาหาร-เครื่องดื่ม เจอทั้งในปลาเส้นโรยงา ปลาหวาน เนื้อปลาแล่หรือบด นมผง นมยูเอชที กาแฟผง ระบุผู้บริโภคความเสี่ยงรับสารชีวิพิษต่ำ แนะควรเลือกซื้อและบริโภคอาหารที่ไม่มีเชื้อราขึ้น ไม่ซื้ออาหารมาเก็บไว้เป็นเวลานาน

นพ.อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า สารชีวพิษ (Biotoxin) หมายถึง สารพิษที่เกิดในสิ่งมีชีวิต จัดเป็นอันตรายทางชีวภาพ (Biological hazard) ที่คุกคามต่อสุขภาพของคน แยกเป็น สารพิษจากสัตว์ พืช และจุลินทรีย์ ซึ่งการออกฤทธิ์มีทั้งที่เป็นพิษต่อระบบประสาท ระบบเลือด หรือแม้แต่ระดับเซล อาจเกิดการทำลายลุกลามถึงระดับเนื้อเยื่อ ทำให้เกิดเนื้อตายและปล่อยสารพิษเข้าสู่กระแสเลือด การได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายหลายทาง เช่นการกิน การสูดดม สัตว์มีพิษต่อยและปล่อยสารพิษสู่ร่างกายของเหยื่อหรือได้รับสารพิษที่ถูกปล่อยออกมาสู่สิ่งแวดล้อมสารชีวพิษดังกล่าวหลายชนิดมีอันตรายรุนแรงและบางชนิดเคยมีการนำไปใช้เป็นอาวุธชีวภาพ ในปัจจุบันประเทศต่างๆจึงมีการเฝ้าระวังการใช้สารชีวพิษอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการก่อการร้าย
นพ.อภิชัยก กล่าวอีกว่า สำนักคุณภาพและความปลอดภัยอาหาร กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ดำเนินการเฝ้าระวังอันตรายจากสารชีวพิษในอาหารในหลากหลายรูปแบบมาตลอด โดยในช่วงปี พ.ศ.2555 - 2588 ตรวจสารชีวพิษในอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ 
1.ตรวจสารชีวพิษที่สร้างจากปลาปักเป้าบางสายพันธุ์ เช่น ปลาปักเป้าหลังเขียวและปลาปักเป้าหลังน้ำตาลในประเทศไทย โดยตรวจในเนื้อปลาและอาหารที่ทำจากปลา เช่น ปลาเส้น ลูกชิ้นปลา ปลาบด ปลาปรุงรส ปลาหวานเต้าหู้ปลา และข้าวเกรียบปลา จำนวน 301 ตัวอย่าง ตรวจพบ เทโทรโดท็อกซิน 19 ตัวอย่าง คิดเป็น ร้อยละ 6.3 ปริมาณที่พบระหว่าง 0.17 5.26 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนใหญ่ในปลาเส้นโรยงา ปลาหวาน เนื้อปลาแล่หรือบด ซึ่งประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 264) พ.ศ.2545 เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย โดยให้ปลาปักเป้าทุกชนิดและอาหารที่มีเนื้อปลาปักเป้าเป็นส่วนผสม เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย แต่ยังไม่มีการกำหนดปริมาณเทโทรโดท็อกซิน ทั้งนี้ระดับที่ไม่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค คือ 2.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
2.ตรวจสารพิษอฟลาท็อกซิน ชนิด B1, B2,G1, และ G2 เป็นสารพิษที่อาจจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งและมีความเป็นพิษต่อตับ โดยเก็บตัวอย่างถั่วลิสง ถั่งต่างๆ ธัญพืช เครื่องเทศ พริกแห้ง/พริกป่น ชา กาแฟ โกโก้ นม และข้าว จำนวน 2,389 ตัวอย่าง ตรวจพบอฟลาท็อกซิน 146 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 6.1 ในจำนวนนี้พบในปริมาณที่เกินมาตรฐานกำหนด 31 ตัวอย่าง คิดเป็น ร้อยละ 1.3 พบมากในถั่วลิสง พริกแห้ง/พริกป่น และธัญพืช โดยเฉพาะถั่วลิสง พบเกินมาตรฐาน ร้อยละ 9 และปริมาณที่พบสูงสุดถึง 581.3 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และตรวจสารพิษ อฟลาท็อกซิน ชนิด M1 ในนมโคทั้งที่เป็นนมผง นมพาสเจอร์ไรส์ และนมยูเอชที จำนวน 186 ตัวอย่าง ตรวจพบ64 ตัวอย่าง หรือ ร้อยละ 34.4 ซึ่งปริมาณที่พบอยู่ระหว่าง 0.01 - 1.11 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 98) พ.ศ.2529 กำหนดให้เปื้อนได้ไม่เกิน 20 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนในนม มาตรฐานอาหารระหว่างประเทศหรือCodex กำหนดให้ปนเปื้อนได้ไม่เกิน 0.05 ไมโครกรัมต่อมิลลิกรัม
3.ตรวจสารพิษโอคราท็อกซิน เอ (Ochratoxin A) เป็นสารชีวพิษที่สร้างจากเชื้อรา อาจก่อให้เกิดโรคมะเร็ง โดยตรวจในกาแฟผง กาแฟบรรจุในซอง (3 in 1) กาแฟคั่วที่บดแล้วและยังไม่ได้บด จำนวน 301 ตัวอย่าง ตรวจพบ 18 ตัวอย่าง หรือร้อยละ 5.9 พบมากในกาแฟผง ปริมาณที่พบอยู่ระหว่าง 0.50 - 9.82 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม ซึ่งประเทศไทยยังไม่มีค่ามาตรฐานกำหนด ส่วน Codex กำหนดให้ปนเปื้อนได้ไม่เกิน 5 ไมโครกรัมต่อกิโลกรัม ในธัญพืชและผลิตภัณฑ์ และ4.ตรวจสารพิษดีออกซีนิวาลีนอล (Deoxynivalenol) เก็บตัวอย่างข้าวต่างๆ เช่น ข้าว ข้าวโอ๊ตและข้าวสาลี แป้งต่างๆ เช่น แป้งข้าวสาลี แป้งข้าวโพด อาหารและขนมที่ทำจากแป้ง เช่น ขนมปัง ขนมปังกรอบ มะกะโรนี เส้นบะหมี่สำเร็จรูปเส้นก๋วยเตี๋ยว และเส้นอูด้ง จำนวน 569 ตัวอย่าง ตรวจพบ 53 ตัวอย่าง หรือ ร้อยละ 9.3 ปริมาณที่ตรวจพบระหว่าง0.06 - 1.18 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม โดย Codex กำหนดให้ปนเปื้อนในธัญพืช ไม่เกิน 2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม และแป้ง ไม่เกิน 1 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม
จากข้อมูลการเฝ้าระวังความปลอดภัยสารชีวพิษ บ่งชี้ว่าผู้บริโภคมีความเสี่ยงจากสารชีวพิษต่ำ แต่เพื่อความปลอดภัยและเพื่อสุขภาวะที่ดีของผู้บริโภค ควรเลือกซื้อและบริโภคอาหารที่ไม่มีเชื้อราขึ้น ไม่ซื้ออาหารมาเก็บไว้เป็นเวลานาน แต่หากมีความจำเป็นต้องเก็บอาหารไว้รับประทานนานๆ ควรเก็บไว้ในตู้เย็นหรือในสภาพที่มีความชื้นต่ำ และไม่ควรบริโภคอาหารชนิดเดียวกันเป็นเวลานานๆ ที่สำคัญคือ หากเกิดอาการผิดปกติหลังจากรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มควรไปพบแพทย์และแจ้งให้แพทย์ทราบว่ารับประทานอะไรมา โดยเก็บอาหารที่เหลือจากการรับประทานไปด้วยนพ.อภิชัยกล่าว

logoline