เมื่อเวลา 06.30 น. พล.อ.วรพงษ์ สง่าเนตร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานในพิธีส่งกำลังพลของกองทัพไทย จำนวน 51 นาย เดินทางโดยเครื่องบินแบบซี130 ไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ โดยมี พล.ต.ปริญญา ขุนนาศรี รองเจ้ากรมยุทธการทหาร ในฐานะหัวหน้าชุดบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งภายในพิธีมีนายทหารระดับสูงของกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือและกองทัพอากาศเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง
ทั้งนี้ พล.อ.วรพงษ์ กล่าวให้โอวาทแก่กำลังพลตอนหนึ่งว่า ตามที่ได้เกิดอุทกภัยในเมียนมาสร้างความเสียหายเป็นจำนวนมาก รัฐบาลโดยบัญชาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มอบหมายให้กระทรวงกลาโหม โดยกองทัพไทยจัดกำลังพล ยาและเวชภัณฑ์ พร้อมทั้งแพทย์ไปช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมาร์ ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงมิตรไมตรีที่ดีระหว่างประเทศทั้งสอง และเปิดโอกาสให้กองทัพไทยได้แสดงความพร้อม อีกทั้งศักยภาพในการรับมือสาธารณภัย ขอให้กำลังพลที่เดินทางไปครั้งนี้ มุ่งมั่น ทุ่มเท และเสียสละปฏิบัติหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นทีมเป็นหนึ่งเดียว รวมทั้งไม่ประมาทเพื่อให้การทำงานประสบผลสำเร็จเป็นที่ยอมรับ
จากนั้น พล.อ.วรพงษ์ ให้สัมภาษณ์อีกว่า กองทัพได้จัดชุดแพทย์และชุดประปาสนาม รวมถึงชุดดูแลต่างๆ ไปประมาณ 51 คน จากกำลังพลทุกเหล่าทัพ โดยเฉพาะแพทย์ทหารที่จะไปดูแลคนไข้ภายหลังสถานการณ์คลี่คลายลงมาอยู่ในขั้นฟื้นฟู ซึ่งเดินทางตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.-4 ก.ย.58 หากมีความจำเป็นที่จะอยู่ต่อก็แจ้งมายังรัฐบาลเพิ่มเติม เรามีความพร้อมอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านั้นเราเคยไปช่วยที่ประเทศเนปาล ส่วนการช่วยเหลือด้านอื่นๆทางเมียนมาร์ สามารถดูแลได้ เนื่องจากก่อนหน้านั้นได้หารือร่วมกันระหว่างไทยและเมียนมาว่าอยากได้แพทย์ไปช่วยเหลือดูแลคนไข้ที่ประสบภัยพิบัติ ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของเมียนมาร์ สำหรับการดูแลตนเองของกำลังพลโดยเฉพาะเรื่องโรคติดต่อนั้น เป็นไปตามระเบียบในการเดินทางว่าเราไปช่วยเขาอย่างน้อยเราต้องดูแลตัวเองให้ดีก่อน เรื่องการป้องกันต่างๆต้องเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือ และเตรียมตัวไปอย่างดี พร้อมทำงานได้
วันนี้ ผบ.สส.เมียนมาร์ จะเดินทางมาร่วมประชุมกับผม อาจจะมีการหารือถึงการช่วยเหลือว่าต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ก่อนหน้านั้นผบ.ทบ.เมียนมาร์ ก็เพิ่งจะเดินทางมาเยือนไทย เราคุยกันอย่างใกล้ชิด หากต้องการช่วยเหลือเพิ่มเติมเราก็จะประสานงานเพื่อขออนุมัติรัฐบาลดำเนินการต่อไปทั้งนี้ใช้งบประมาณเบื้องต้น 8 ล้านบาท ถ้าอยู่ต่อก็ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเติม ผบ.สส. กล่าว