
เวลา 06.00 น. วันนี้ (23 ส.ค. 58 ) ณ ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พระธรรมวงศาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 ,เทศบาลนครหาดใหญ่ ร่วม มูลนิธิบัณฑิตรัตน์วิชชาลัย จัดโครงการตักบาตรพระ 10,000 รูป นานาชาติ เพื่อแม่....เพื่อพ่อ ปีที่ 15 ห่างจากบริเวณจัดงานประมาณ 500 เมตร (หน้าตลาดกิมหยง) ถนนนิพัธ์อุทิศ 3 มีชาวบ้านที่บอกว่าเป็นคนหาดใหญ่ประมาณ 20 คน ยื่นถือป้ายชุมนุมและคัดค้านการจัดกิจกรรมครั้งนี้ พร้อมโทรโข่งและแจกจ่ายเอกสารให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว
เอกสารชื่อว่า หยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา หยุดทำบาปให้กับตนเอง หยุดถวายทอง-เงิน แด่พระภิกษุและสามเณร พร้อมกับตะโกนไล่ วัดธรรมกาย ที่กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการจัดงานครั้งนี้ทั้งหมด ออกจากพื้นที่หยุดการจัดกิจกรรม ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มชาวบ้านกลุ่มนี้มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลและควบคุมพื้นที่ไม่ให้เข้าไปใกล้บริเวณจัดงาน เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ของผู้จัดการ โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมยอมปฏิบัติตามคำร้องของเจ้าหน้าที่ด้วยการขุมนุมอยู้กับที่ไม่มีการเคลื่อนที่
กระทั่งเวลา 06.30 น.ทางผู้จัดงานเริ่มพิธีการตักบาตรพระ 10,000 รูป เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งประธานในพีธีฝ่ายฆารวาส คือ พล.ต.ยอดชัย ยั่งยืน รองผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ตัวแทนแม่ทัพภาคที่ 4 , พร้อมด้วยดร.ไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่, พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผู้บังคับการตำรวจภูธร
ในขณะที่ประธานฝ่ายสงฆ์พระธรรมวงศาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 ซึ่งมีการกล่าวถึงที่มาการจัดงานก่อนที่ในเวลาประมาณ 07.40 น. จะเข้าสู่การตักบาตรอาหารแห้ง โดยพระสงฆ์ประมาณ 7,000 รูป เดินเรียงแถวเพื่อรับการตักบาตรจากประชาชน และนักท่องเที่ยวต่างประเทศ
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้าร่วมกิจกรรม ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวมาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติได้เดินทางเข้าร่วมกิจกรรมตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการจัดกิจกรรม ไถ่ชีวิตโค ทำใหนักท่องเที่ยวและประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมครั้งนี้กว่า 10,0000 คน
หลังจากจัดงานผู้สื่อข่าวได้ประสานงานไปยังผู้จัดงานเพื่อประเมินผล ซึ่งทางคณะกรรมการจัดงานไม่สะดวกที่จะให้ข้อมูลหรือพูดถึงการชุมนุมของชาวบ้านที่คัดค้านการจัดกิจกรรมครั้งนี้ บอกแต่เพียงสั้นๆว่า การจัดงานทำถูกต้องทุกอย่าง ไม่ได้ทำผิดอะไร
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าการจัดงานเป็นการดำเนินการโดยวัดธรรมกาย ขอปฎิเสธ แต่ยอมรับว่าวัดธรรมกายเป็นเพียงส่วนหนึ่งก็ผู้ที่เข้าร่วมในการจัดงาน เจ้าภาพหลักคือ พระธรรมวงศาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 หรือเจ้าอาวาสวัดโคกสมานคุณ เป็นเจ้าภาพ แต่มอบหมายให้ทาง มูลนิธิบัณฑิตรัตน์วิชชาลัย และสมาคมบัณฑิตรัตน์ เป็นผู้ดำเนินการจัดงาน และผู้ประสานงานระหว่างเครือข่าย และมองว่าการชุมนุมคัดค้านและการปลุกกระแสต่อต้าน เป็นขบวนการทำลายที่ไม่ทราบเจตนาเพื่ออะไร
เราจัดกิจกรรมประจำต่อเนื่องทุกปีมา 14 ปี ไม่เคยมีปัญหา และกิจกรรมได้ทำให้เกิดผลดีต่อการท่องเที่ยว มีเงินสะพัดว่า 100 ล้าน จากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเพื่อร่วมกิจกรรม จนทำให้โรงเรมที่พักเต็ม แหล่งข่าวคณะกรรมการจัดงานกล่าว
คำกล่าวของคณะกรรมการจัดงานสอดคล้องกับหนังสือที่ออกโดยพระธรรมวงศาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 18 ส่งถึงเจ้าของร้านค้า กิจการ เข้าร่วมกิจกรรม โดยตอนหนึ่งของหนังสือระบุว่า ในวันงานเจ้าหน้าที่จะจัดเตรียมโต๊ะตักบาตรพร้อมอาหารแห้ง สำหรับท่านเจ้าภาพ 1 โต๊ะ พร้อมโบว์สัญลักษณ์พิเศษเข้าพื้นที่
นอกจากนั้น ในหนังสือยังมีข้อความ"ปล." ที่ระบุว่า สนับสนุนโครงการตามจิตศรัทธาหรือเป็นเจ้าภาพอุปถัมภ์ (10,000/5,000บาท) ขึ้นไป ทางคณะกรรมการจัดงานมีโต๊ะอาหารตักบาตร ของที่ระลึกและโบว์สัญลัษณ์เข้าพื้นงานเตรียมไว้ให้
สำหรับงบประมาณในการจัดงานครั้งนี้ทางคณะผู้จัดงานระบุว่าใช้งบประมาณ 7 ล้านบาท โดยงบประมาณส่วนใหญ่ถูกใช้สำหรับการเดินทางของพระสงฆ์ที่เป็นค่าพาหนะ เนื่องจากมีพระสงห์จากหลายจังหวัดของภาคใต้ เช่น ระนอง นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง กระบี่ เป็นต้น รวมถึงการถวายปัจัย (เงิน) ให้กับพระสงฆ์ที่เดินทางเข้าร่วม
ขณะเดียวกันกลุ่มผู้นำและนักธุรกิจหาดใหญ่บางส่วนมีการนำเสนอการจัดกิจกรรมครั้งต่อไป สำหรับการตักบาตรพระ คือ1.ต้องย้ายสถานที่การจัดงาน เพื่อไม่ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนจากการปิดถนน 2.เปลี่ยนผู้จัดงานที่ไม่ใช่เครือข่ายวัดธรรมกาย 3.จะต้องมีความโปร่งใส มีวัตถุประสงคการใช้เงินที่ได้รับบริจาค และ 4.ไม่ทำเป็นพุทธพาณิชย์
โดยระบุว่าวัตถุประสงค์ของการจัดกิจกรรมนี้ที่เริ่มต้นในปี 2543 ที่เกิดจากแนวคิดต้องการทำบุญเมืองหาดใหญ่ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม สร้างความเสียหายให้กับเมืองหาดใหญ่กว่า 5,000 ล้านบาทในขณะนี้ โดยเริ่มต้นการทำบุญอุทิศส่วนกุสลให้ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมในครั้งนั้นด้วย
แต่มาระยะหลังแนวคิดของการจัดเปลี่ยนไป โดยเฉพาะหลังจากที่วัดธรรมกายเข้ามาร่วมในการจัดงานรูปแบบ และการทำบุญก็เปลี่ยนไป นั้นในปีหน้า จะต้องกลับมาทบทวนการจัดกิจกรรมดังกล่าวว่า มันเปลี่ยนไปได้อย่างไร จากจุดเริ่มต้นที่ดี ที่ต้องการเยียวยาสภาพจิตใจของผู้สูญเสียจากน้ำท่วมเมืองหาดใหญ่ในครั้งนั้น