สำรวจเรือประมงหลังเริ่มออกจับสัตว์น้ำ "ไม่พบเรือผิดกฎหมาย"

นายเจริญชัย ศรีสุวรรณ หัวหน้าศูนย์บริหารจัดการทรัพยากรประมงทะเลฝั่งอันดามัน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่นำเรือตรวจการออกตรวจสอบเรือทำการประมงในทะเลกระบี่ ระหว่างเกาะพีพี และเมืองกระบี่ ซึ่งมีเรือประมงอวนดำขนาดเกิน 30 ตันกรอส แจ้งออกทำการประมง 14 ลำ และตรวจสอบเรือประเภทอื่นที่อาจมีการลักลอบทำการประมงพบว่าในทะเลกระบี่ พบว่า ไม่มีเรือประมงประเภทผิดกฎหมายที่ออกมาลักลอบทำการประมงแม้แต่ลำเดียว
ส่วนเรือประมงอวนดำ ที่ทำการประมงนั้น จากการเข้าตรวจสอบพบว่า เรือได้มีการทำประมงตามปกติ โดยมีเรือปั่นไฟล่อปลา จากนั้นเรืออวนดำซึ่งเป็นลำแม่ จะเข้าไปสำรวจว่ามีปลามากขนาดไหน โดยใช้ระบบโซน่ายิงสำรวจ เมื่อตรวจสอบว่ามีปลาพอที่จะวางอวนได้ จึงได้วางอวนดำล้อมจุดดังกล่าว จากนั้นสาวอวน ซึ่งพบว่าปริมาณสัตว์น้ำที่จับได้มีปริมาณมากขึ้นในระดับหนึ่ง และพบมีแมงกะพรุนกล่องจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ตลอดคืนที่ผ่านมาคลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง เรือประมงส่วนใหญ่ จึงยุติการทำประมงและทยอยกลับเข้าฝั่ง
นายแสน ศรีงาม ผู้อำนวยการกองบริหารจัดการด้านการประมง กรมประมง กล่าวว่า จากการออกตรวจตราของหน่วยเรือพบว่าไม่มีเรือผิดกฎหมายออกทำประมง ซึ่งหากพบก็จะจับกุมทันที เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจากการสอบถามเรือประมงส่วนใหญ่พบว่ามีการจับสัตว์น้ำได้มากขึ้น เป็นผลพวงมาจากการปิดอ่าว 3 เดือน และเพิ่งเปิดเมื่อ 1 กค.ที่ผ่านมา นอกจากนั้น ก็ไม่มีเรืออวนลากจากต่างจังหวัดเข้ามา
ทั้งนี้ เรืออวนลากเป็นเรือประเภททำลายล้าง รองลงมาจากเรืออวนรุน สัตว์น้ำ 80 เปอร์เซ็นต์ที่จับได้ไม่เป็นประโยชน์ เนื่องจากมีขนาดเล็ก ยังเติบโตไม่เต็มที่ทำให้ถูกทำลายไปอย่างน่าเสียดาย ส่วนเรือปลากะตัก เป็นการทำลายวงจรของสัตว์น้ำอย่างปลากะตักซึ่งเป็นห่วงโซ่อาหารของปลาประเภทอื่น หากจับในปริมาณมากก็จะทำให้เสียสมดุล ซึ่งเชื่อว่ามาตรการที่ออกมานี้จะทำให้สัตว์น้ำทะเลทุกประเภทอุดมสมบูรณ์ขึ้นในไม่ช้านี้