คาดการณ์ภัยแล้งต่อเนื่องถึงปีหน้า

น้ำต้นทุนเขื่อนใหญ่ 4 แห่งเหลือรวมกันไม่ถึง 5 เปอร์เซ็น และหากปริมาณฝนที่ตกลงมาหลังจากนี้ ยังคงมีปริมาณน้อย ก็มีความเป็นไปได้สูง ที่อาจส่งผลกระทบให้เกิดภัยแล้งแบบเดียวกันอีกในปีหน้า นี่คือการคาดการณ์ ของผู้ช่วยผู้อำนวยการเขื่อนภูมิพล
ปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการน้ำ ใช้สูงถึง 11,500 ล้าน ลบ.ม. ต่อปี แต่วันนี้มีน้ำก้นเขื่อนที่ใช้ได้ 810 ล้าน ลบ.ม. และยังไม่มีใครรู้ว่า น้ำที่ยังขาดอยู่อีก 10,610 ล้าน ลบ.ม. ที่จะใช้ต่อในปีหน้า จะมาจากไหน
ฝนก้อนใหญ่คือความหวังเดียวที่จะเติมน้ำในเขื่อนให้พอใช้ในเวลาที่เหลืออีก 10 เดือน และต้องมีปริมาณมากถึง 11,000 ล้าน ลบ.ม. ทั้งในเขื่อนและนอกเขื่อนรวมกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ยาก
สถาบันวิจัย เพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ คาดการณ์ว่า ปี 2565 จะมีความต้องการใช้น้ำถึง 27,750 ล้าน ลบ.ม. แต่มีน้ำต้นทุนเพียง 24,000 ล้าน.ลบ.ม.
นักวิชาการ ทีดีอาร์ไอ นายนิพนธ์ พัวพงศกร บอกว่า วิกฤตภัยแล้ง ไม่ได้เกิดจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว แต่ถูกซ้ำเติมให้เลวร้ายลงจากข้อบกพร่องของนโยบายและการจัดการแบบรวมศุนย์ จนเกษตรกรบางพื้นที่ใช้วิธีรวมตัวกดดันเจ้าหน้าที่ชลประทานจัดสรรน้ำเพิ่ม จนเกิดความขัดแย้ง จนไม่เชื่อคำเตือนของกรมชลประทาน เรื่องน้ำในเขื่อนไม่เพียงพอในที่สุด
ขณะที่เจ้าของงานวิจัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กับการจัดการทรัพยกรน้ำ ดร.เด่นเดือน นิคมบริรักษ์ บอกว่าตลอด 55 ปีที่ผ่านมาน้ำท่วมและน้ำแล้งมีโอกาสเกิดเพิ่มขึ้น 2% ต่อปี และการจัดการน้ำที่ดี ควรให้อำนาจ แก่คณะกรรมการลุ่มน้ำ เพราะคนในพื้นที่รู้ดีที่สุดว่าควรจัดการอย่างไร ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ้านของตัวเอง