จากการสอบถาม นายทิ้ง ทราบว่า ที่ลูกสาวเป็นอย่างนี้ เพราะเมื่อสมัยตอนเป็นเด็ก ได้วิ่งไปตกบ่อน้ำ และโดนก้อนหินบริเวณหน้าอก ทำให้โตขึ้นจะรู้สึกเจ็บหน้าอกหายใจไม่ออก เจ็บบริเวณหัวใจ บางครั้งต้องใช้กำปั้นทุบหน้าอกจนเหนื่อยหอบ และยังเป็นเด็กขี้กลัว เวลาพบเจอคนแปลกหน้า จะวิ่งหลบหนี เพราะกลัวคนจะมาจับขึ้นรถตู้ไปขอทาน
นายทิ้ง บอกว่า ลูกสาวเคยเรียนอยู่ ที่ร.ร.บ้านตะโกล่าง ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง ชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 แต่ได้ย้ายมาอยู่ที่ตำบลท่าเคย จึงให้หยุดเรียน เนื่องจากไม่มีที่พักอาศัยใกล้โรงเรียนและตนเองก็มีร่างกายที่ไม่แข็งแรง ปวดหลังและสายตาทั้งสองข้างก็พร่ามัวมองไม่เห็น หลังจากที่ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้ม จากนั้นไม่นานตาก็เริ่มมองไม่เห็น ออกไปทำงานนอกบ้านไม่ได้ ลูกสาวจึงต้องออกจากโรงเรียนมาดูแลตน และไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียนด้วย โดยอาศัยใช้เงินเบี้ยผู้สูงอายุเดือนละ 600 บาทในการดำรงชีพ ทั้งซื้อข้าวสารและกับข้าวไม่มีรายได้อื่น เวลาจะออกไปหาซื้อกับข้าวหรือของใช้ ลูกสาวต้องพาเดินจากบ้านไปปากทาง ซึ่งมีระยะทางมากกว่า 4 กิโลเมตร ไปกลับก็เกือบ 8 กิโลเมตร โดยจะหาซื้อของใช้และกับข้าวที่เก็บไว้ได้หลายวัน เช่น ปลาร้า เอามาเก็บไว้อยู่ได้หลายวัน ส่วนน้ำดื่ม ก็จะต้องไปตักน้ำจากสระน้ำใกล้บ้านมาใช้อาบและดื่มกิน ลำบากมากเพราะเวลาที่น้ำแห้ง ก็จะต้องอาศัยน้ำขุ่นๆที่อยู่ในโคลนมาอาบและกิน ซึ่งทุกวันนี้ก็อยู่กับลูกสาวไปวันๆไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร จึงวอนผู้มีจิตเมตตาช่วยเหลือ เพื่อให้ลูกสาวได้ไปโรงเรียน นายทิ้งกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ต้องการช่วยเหลือครอบครัวนี้ โดยสามารถบริจาคได้ที่เลขที่บัญชี นายทิ้ง ทับทิม ธนาคารกรุงไทย สาขาสวนผึ้ง หมายเลขบัญชี 729-0-30047-5