ชาวปทุมธานี"สุดทน" รวมตัวปิดถนน ดักจับรถบรรทุกดินน้ำหนักเกิน

วันที่ 20 เมษายน 2558 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันปิดถนนเพื่อจับรถบรรทุกสิบล้อ ที่บรรทุกดินน้ำหนักเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยมีการรวมตัวกันที่บริเวณถนนเลียบคลอง 9 ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึง พบกลุ่มชาวบ้านจำนวนกว่า 20 คนกำลังทำการปิดถนนไม่ให้รถบรรทุกดินวิ่งผ่าน โดยสามารถจับกุมรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อเอาไว้ได้ 1 คัน โดยรถบรรทุกคันดังกล่าวบรรทุกดินมาเต็มกระบะท้ายรถ และมีการคลุมผ้าใบปิดบังอย่างมิดชิด ส่วนรถบรรทุกคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเมื่อเห็นว่ามีการปิดถนน ก็ได้ขับรถถอยหนีกลับเข้าบ่อดินที่อยู่ใกล้เคียง จากนั้นกลุ่มชาวบ้านได้ประสานงานไปยัง สภ.หนองเสือ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับกุมและดำเนินคดีกับคนขับรถรถบรรทุกคันดังกล่าว
นายมนัส พุทธรัตน์ อายุ 61 ปี คณะกรรมการศูนย์ดำรงธรรมภาคประชาชนอำเภอหนองเสือ และ กต.ตร.สภ.หนองเสือ กล่าวเปิดเผยว่า มีชาวบ้านในพื้นที่อำเภอหนองเสือ จำนวนมาก ได้ร้องเรียนมายังตนเองเรื่องผู้ประกอบการบ่อดินให้รถบรรทุกดินเกินกว่าที่กฏหมายกำหนด ก่อให้เกิดบ้านเรือนของประชาชนทรุดตัวลงและบ้างบ้านเกิดการแตกร้าว อีกทั้งยังทำดินตกหล่นบนถนนจำนวนมากจน กระทั่งเกิดอุบัติเหตุรถ จยย.คว่ำเสียชีวิตมาแล้วจำนวนหลายราย อีกทั้งรถบรรทุกดินวิ่งกันด้วยความเร็วตลอดทั้งวันทำให้ชาวบ้านในละแวกดังกล่าวที่รถดินวิ่งผ่านไม่สามารถผักผ่อนได้
นายมนัส กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเองได้มีการประชุมร่วมกับ อำเภอหนองเสือ ตำรวจ สภ.หนองเสือและเจ้าของธุรกิจบ่อดินในพื้นที่อำเภอหนองเสือที่มีกว่า 10บ่อโดยในที่ประชุมตนเองได้มีการตกลงกำหนดให้รถดินบรรทุกได้ไม่เกิน 28 ตันตามที่กฎหมายกำหนดไว้ แต่เวลาผ่านไปทางผู้ประกอบการรถดินทำผิดกติกาคือแอบบรรทุกดินเต็มคันรถหรือประมาณ 40-50 ตัน จนทำให้ถนนเส้นหนองเสือ-บางขันธ์ ชำรุดทรุดโทรมจนเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงชนบทต้องมีการลื้อถนนออก แล้วทำการก่อสร้างใหม่หลายครั้ง เสียงบประมาณแผ่นดินเป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งของปัญหาคือ ทางสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี ใช้ช่องทางที่ผังเมืองรวมของจังหวัดปทุมธานีหมดอายุลง และยังไม่มีการประกาศผังเมืองใหม่ ซึ่งผังเมืองเดิมพื้นที่อำเภอหนองเสือเป็นพื้นที่สีเขียว แต่ทางอุตสาหกรรมจังหวัดปทุมธานี กลับอนุญาตให้มีการขุดบ่อดิน และไม่เข้ามาควบคุมดูแลให้เป็นไปตามระเบียบ บางบ่อนั้นก็ขุดใกล้เคียงกับพื้นที่ของชาวบ้านทั้งๆที่ตามกฎหมายนั้นจะต้องขุดห่างพื้นที่ข้างเคียงไม่ต่ำกว่า 40 เมตร ซึ่งจะส่งผลให้พื้นที่ข้างเคียงเกิดดินสไลค์ขึ้นมาได้
นายมนัส กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านจำนวนมากไม่กล้าที่จะร้องเรียนเรื่องนี้ เนื่องจากกลัวอิทธิพลของเจ้าของบ่อดินที่ทุกคนทราบกันดีว่าทำตัวเป็นมาเฟียในพื้นที่แต่ว่าชาวบ้านเขาทนไม่ไหวแล้วจึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังจังหวัดปทุมธานี แต่ก็ไม่เห็นมีใครเข้ามาตรวจสอบรวมถึง อำเภอหนองเสือ สภ.หนองเสือ และ อบต.ในพื้นที่เองก็ไม่เคยเข้าไปตรวจสอบถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านในครั้งนี้ หากหน่วยงานที่ชาวบ้านร้องเรียนไปแล้วนั้นทางส่วนราชการยังเงียบตนเองจะนำชาวบ้านไปร้องเรียนยังศูนย์ดำรงธรรมทำเนียบรัฐบาลเพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ลงมาตรวจสอบถึงความทุกข์ของชาวบ้านในครั้งนี้ต่อไป
ด้าน น.ส.สมลักษณ์ วรมะณี อยู่บ้านเลขที่ 13/2 หมู่ที่ 8 ต.บึงบา อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เปิดเผยว่า ตนมีบ้านอยู่ติดกับบ่อดินคลอง9ซึ่งเป็นบ่อของดาบตำรวจนายหนึ่งของ สภ.ธัญบุรี ที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านมากโดยรถดินจะออกวิ่งกันตั้งแต่ในเวลา 05.00.น.-20.00.น.ของทุกๆวันก่อให้เกิดฝุ่นละออง ดินตกหล่นจำนวนมากทำให้ชาวบ้านแถวนี้ประสบอุบัติเหตุกันมามากแล้ว
น.ส.สมลักษณ์ บอกอีกว่า รถดินจะวิ่งด้วยความเร็วสูง จนเกือบจะชนรถนักเรียนที่มารับส่งนักเรียนในบริเวณนี้อีกด้วย ที่ตนเองพร้อมชาวบ้านได้รวมตัวออกมาปิดถนนกันก็เพราะว่าทนไม่ไหวแล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่เข้ามาดูแลชาวบ้านเลยเคยทำหนังสือถึงจังหวัดปทุมธานีเรื่องก็เงียบให้ตำรวจมาทำการจับกุมแต่ตำรวจบอกว่าให้จับกันเองเลย ขณะนี้ตนเองได้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีเรียบร้อยเพื่อให้เข้ามาตรวจสอบที่ เนื่องจากที่ของตนเองจะพังอยู่แล้วจากการขุดดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า สำหรับรถบรรทุก 18 ล้อ ที่บรรทุกดินมาและถูกชาวบ้านร่วมกันจับกุม ก็ได้มีการประสานงานกับเจ้าห้าที่ตำรวจ สภ.หนองเสือ นำรถคันดังกล่าวไปชั่งน้ำหนักปรากฏว่าชั่งได้ 70.01 ตัน ซึ่งเกินกว่ากฎหมายกำหนดไว้ถึง 20 ตัน จึงได้นำรถบรรทุกดินไปที่ สภ.หนองเสือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป