โดยทางเจ้าหน้าที่ควบคุมคุณภาพสิ่งแวดล้อม ได้รายงาน ผลการตรวจสอบคุณภาพน้ำ รวมจำนวน 5 จุด รวมทั้งน้ำในบ่อเก็บกากแร่ของ บริษัทอัครารีซอร์สเซส พบมีค่าคุณภาพของน้ำใกล้เคียงกัน มีเพียงค่าการนำไฟฟ้า คือ พบซัสเฟตในบ่อเก็บกากแร่ที่ 2 มีปริมาณสูงที่สุด 5000 ไมโครซีเมนต์ต่อเซนติเมตร ต่างจาก พื้นที่ที่ชาวบ้านร้องเรียน มีเพียง 98.8 ไมโครซีเมนต์ต่อเซนติเมตร จึงไม่สามารถสรุปได้ว่า เกิดจากการรั่วไหลมาจากบ่อเก็บกากแร่ของเหมืองทางบริษัทอัคราฯได้
ขณะที่ ดร.ธนพล เพ็ญรัตน์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร จ.พิษณุโลก ระบุว่าการตรวจสอบเก็บตัวอย่างน้ำ พบมีค่าสารไซยาไนค์ ในป่าบัว 0.286 มิลลิกรัมต่อลิตร และ แปลงนาที่น้ำท่วมขัง มีค่า 8.673 มิลลิกรัมต่อลิตร โดยทั้ง2 จุดมีค่าเกินมาตรฐาน ที่ไม่เกินค่ามาตรฐานตั้งไว้ 0.20 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งต่างจากค่าสารไซยาไนค์ ในบ่อเก็บกากแร่ที่ 2 ของเหมืองทอง เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่เก็บตัวอย่างในชั้นผิวน้ำ มีค่าเพียง 0.084 มิลลิกรัมต่อลิตร น่าจะมีผลตรวจสอบคาดเคลื่อน
ล่าสุด ทางผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร จึงมีมติให้ทางเจ้าหน้าที่ ทำการเก็บตัวอย่างน้ำ ในชั้นล่างของบ่อเก็บกากแร่ที่ 2 ใหม่ พร้อมเก็บตัวอย่างดิน ยังคงเฝ้าติดตาม โดยเฉพาะผลกระทบ ต่อสุขภาพของประชาชนรอบเหมืองแร่ทองคำต่อไป ล่าสุดน้ำที่ท่วมขังในแปลงนา ปัจจุบัน ได้ลดระดับลงจนแห้ง หลังจากที่เหมืองทอง บริษัทอัครารีซอร์สเซส เปิดกิจการประกอบการเหมืองทอง