svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

นักวิชาการเปิดปม..เงินรายได้อช.ทางทะเล "รั่วไหล"

27 มีนาคม 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นักวิชาการเสนอทบทวนการจัดเก็บรายได้รั่วไหล เงินรายได้ลดวูบสวนทางนักท่องเที่ยวเพิ่ม ชี้แค่เกาะตาชัยแห่งเดียวเงินสะพัด 72 ล้านบาท



ในเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการ แนวทางการจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลอย่างยั่งยืน ณ โรงแรมหลุยส์ แทเวิร์น กรุงเทพมหานค ในวันนี้ 27 มี.ค. 58 นายศักดิ์อนันต์ ปลาทอง อาจารย์ภาควิชาชีววิทยาคณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า ข้อเสนอสำคัญที่ต้องการให้มีการจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลอย่างยั่งยืนที่ควรตัองแก้ไข คือ การรื้อระบบจัดเก็บเงินรายได้ค่าธรรมเนียมเข้าแหล่งท่องเที่ยว แหล่งดำน้ำดูปะการัง การขายอาหารบนแหล่งท่องเที่ยว และขั้นตอนตรวจสอบใบอนุญาตให้กับเรือและบริษัททัวร์ เพราะเป็นจุดที่เกิดความรั่วไหล และไม่โปร่งใสมากที่สุด

"ที่ผ่านมาอุทยานแห่งชาติเคยทำรายได้จากการจัดเก็บสูงถึงปีละ 600-700 ล้านบาท แต่ในระยะหลังเม็ดเงินกลับลดลงเรื่อยๆ เหลือปีละแค่ 300-400 ล้านบาท ทำให้มีคำถามว่ามันสวนทางกับตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้าไปใช้ประโยชน์มากขึ้น"นายศักดิ์อนันต์ กล่าว

นักวิชาการรายนี้ บอกว่า อย่างกรณีเกาะตาชัย อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน เพียงจุดเดียว หากมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้าไปเพียง 200รายต่อวัน ตัวเลขรวมตลอดฤดูที่เปิดเกาะได้ระหว่าง 15 ต.ค-15 พ.ค. คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดจากรายได้ครบวงจรสูงถึงปีละ 72 ล้านบาท กล่าวคือค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยววันละ 200 รายต่อรายละ 200 บาท ค่าดำน้ำลึก 400บาท ค่าอาหาร ค่าของที่ระลึก แต่ปรากฎว่ามีตัวเลขที่จัดเก็บรวมทั้งอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน แค่ 20-30 ล้านบาทต่อปี นั่นหมายความว่ามเงินเข้าระบบเท่าไหร่ และหายไปเท่าไหร่ จุดนี้คือสิ่งที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ต้องรื้อระบบการจัดเก็บรายได้ใหม่ทั้งหมด ทั้งเรื่องตั๋ว การขายอาหาร และขายของที่ระลึก การอนุญาตเรือที่ต้องตรวจสอบได้

นายศักดิ์อนันต์ กล่าวอีกว่า สุดท้ายที่อยากเห็น คือ ยกเลิกที่พักในเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเล เพราะจะช่วยให้เกิดการท่องเที่ยวแบบไปกลับ แทนการพักค้าง โดยให้นักท่องเที่ยวไปใช้บริการที่พักนอกเขตอุทยานฯแทน

ทั้งนี้ การประชุมเชิงปฏิบัติการและมอบนโยบาย การจัดการอุทยานแห่งชาติทางทะเลอย่างยั่งยืน มีเจ้าหน้าที่จากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมประมง กองทัพเรือ บก.ปทส. กรมการท่องเที่ยว ภาคเอกชน สื่อมวลชน องค์กรพัฒนาเอกชน สถาบันการศึกษา และผู้ประกอบการการท่องเที่ยวทางทะเล กว่า 100 คน ร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ

logoline