สมเด็จพระเทพฯ ทรงห่วงทรัพยากรป่าไม้

สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นประธานในงานสัมมนาวิชาการ"รักษ์ป่าน่าน"ครั้งที่ 2 โดยทรงบรรยาย เรื่องการจัดการอนุรักษ์ ทรัพยากรป่าไม้ ที่ศูนย์การเรียนรู้ และบริการวิชาการเครือข่ายแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่ อ.เมือง จ.น่าน

โดยทรงเป็นห่วงการเก็บเมล็ดพันธ์เพื่อคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพ ระบุได้ดำเนินโครงการอนุรักษ์พันธ์พืช ในโรงแรียน ซึ่งมีโรงเรียนเข้าร่วมกว่า 1,700 แห่ง นอกจากนี้ในแต่ละโรงเรียน ยังมีการทำพฤษศาสตร์โรงเรียน ทำให้มีการดูแลพันธุ์พืชในโรงเรียน โดยนักเรียนจดทะเบียน และบันทึกลักษณะต้นไม้ ซึ่งมี 27 โรงเรียน เริ่มมีการขึ้นทะเบียนพันธุ์พืช จดลักษณะของของพืชแต่ละชนิด


นอกจากนี้ยังมีการปลูกป่าโดยได้มีโครงการศูนย์ศึกษาพัฒนาซึ่งในทุกแห่งมีการปลูกป่าในท้องถิ่น เช่น ที่จังหวัด นราธิวาสก็มีป่าพรุ จันทร์บุรีมี ป่าชายเลน ส่วนที่ ห้วยฮ่องไคร้ ก็มีการปลูกไม้ป่า ซึ่งก็มีคำกล่าวที่การปลูกป่า 3อย่าง แต่ได้ประโยชน์ 4 อย่าง โดยอย่างสี่คือ การดูแลสภาพธรรมชาติ ส่งเสริมให้ชุมชนแข็งแกร่ง เพราะหลังจากปลูกป่าและสภาพของศูนย์พัมนาตอนนี้ก็เป็นป่าไม้ที่เขียวจจี และอุณหภูมิของพื้นที่ก็ดีมากขึ้น

สำหรับการปลูกป่าตามหลักการแล้ว ทรงมีพระราชดำรัสว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสอนว่า ถ้าเราไม่รังแกป่า ป่าก็จะฟื้นฟูขึ้นมาเองส่วนการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ จึงเป็นเรื่องที่ต้องกลับไปยังท้องถิ่น โดยท้องถิ่นต้องมีลักษณะความเป็นอยู่ที่ดี เพื่อให้ขึ้นมาฟื้นฟูทรัพยากรและปกป้องดูแลธรรมชาติ

นอกจากนี้ในส่วนของเด็กและเยาวชน ต้องให้ความรู้และสร้างให้เกิดความรักเพราะเมื่อรักแล้วก็จะอยากดูแลไปด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงจบการบรรยายด้วยบทวรรณคดีท่าน หลีไป๋ กวีเอกชาวจีน ซึ่งมีเนื้อหาของวรรณคดีระบุว่า "ถามว่าใยมาอยู่ภูผาพฤกษ์ ฉันนิ่งนึก ยิ้มหยุดไว้ไม่ตอบถ้อย กลีบดอกท้อเกลื่อนธารธาไหลลอย ฟ้าจรดดอยเหนือแดนดินถิ่นประชา"