ข้อขัดแย้งผลตรวจเลือด เหมืองทองพิจิตร

เหมืองทองพิจิตร ไม่ใช่ต้นเหตุของการพบแมงกานิสและสารหนูในร่างกายของชาวบ้าน นี่คือ สิ่งที่บริษัท อัครารีซอส์เซส จำกัด (มหาชน) ต้องการบอกกับสื่อมวลชนที่รับได้คำเชิญมาในวันนี้ โดยมีผลการศึกษาจากมหาวิทยามหิดลเป็นเครื่องยืนยัน
การลงพื้นที่เพื่อศึกษาหาข้อเท็จจริงของมหาวิทยาลัยมหิดล มีขึ้นหลังกรมอุตสาหกรรมพิ้นฐานและการเหมืองแร่ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2557 ให้บริษัท พิสูจน์ข้อเท็จจริงหลังมีชาวบ้านร้องเรียน
ทีมศึกษาและสำรวจเริ่มจากการการสอบถามพฤติกรรมความเป็นอยู่ และเจาะเลือด ตรวจปัสสาวะของประชาชนรอบเหมือง จำนวน 435 คน ไม่พบแมงกานิสในเลือดสูงเกินค่ามาตรฐาน แต่ในจำนวนนี้ 14% มีสารหนูในปัสสาวะที่สูงเกินค่ามาตรฐาน
ดร.วิชยุตย์ นักวิชาการอิสระ ด้านพิษวิทยา บอกว่า ผู้ที่มีสารหนูในปัสสาวะสูง มีวิถีวีชิตที่เสี่ยงกับสารเคมีรอบกาย เป็นประจำ
แต่... ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัยเห็นว่า ขั้นตอนการวิจัยที่ใช้เวลาเพียงเดือนเดียว อาจไม่สามารถสรุปได้ ว่าที่มาของผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ได้มาจากเหมืองทองคำ
ย้อนไปเมื่อเดือนเมษายน 2557 สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ได้ตรวจเลือดของชาวบ้านกลุ่มตัวอย่างจำนวน 700 คนรอบเหมืองทองคำ มาเป็นระยะ จำนวน 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดพบชาวบ้านจำนวน 300 คนมีโลหะหนักในเลือดเกินค่ามาตรฐาน ทั้งนี้ผู้อำนวยสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ไม่ขอสรุปว่าเกิดจากเหมือง แต่ก็ได้เตือนชาวบ้านแถบนั้น ห้ามเก็บกระถิ่นและตำลึงที่อยู่ใกล้กับกองสินแร่มาทำเป็นอาหาร เพราะอาจมีสารปนเปื้อน
ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิยาลัย เห็นว่าหากการเปรียบเทียบข้อมูลจากรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม ที่บริษัทเหมือง ต้องทำตามกฎหมาย ก่อนดำเนินกิจการ กับข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะทำให้มีความชัดเจนในระดับหนึ่งว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นอยู่เวลานี้ มีที่มาจากเหมืองทองหรือไม่
ล่าสุดคณะกรรมการสิทธิมนุยชนแห่งชาติ นัดหมายตัวแทนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวกับปัญหาเหมืองทองพิจิตร พูดคุยพร้อมกัน ในอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่จะถึงนี้ ด้วย