svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

กทม.ย้ำ 28 ก.พ.นี้ ยุบ "ตลาดนัดคลองถม"

27 มกราคม 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline


เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่สำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เป็นประธานการประชุมชี้แจงเรื่องการจัดระเบียบผู้ค้าคลองถม ภายหลังวานนี้(26ม.ค.) มีกลุ่มผู้ค้าเดินทางมาร้องเรียนยังศาลาว่าการกทม. โดยมีพล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล รองผบช.น. ตัวแทนตำรวจสน.พื้นที่ ตัวแทนทหาร และตัวแทนผู้ค้าในถนน 9 สาย ได้แก่ ถนนหลวง ถนนวรจักร ถนนเจริญกรุง ถนนเสือป่า ถนนพลับพลาไชย ถนนมหาจักร ถนนเจ้าคำรพ ถนนยมราชสุขุม และถนนศรีธรรมธิราช ร่วมประชุม
นายวัลลภ กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่กทม.จำเป็นต้องเข้าจัดระเบียบผู้ค้าคลองถม เนื่องจากปัญหาการร้องเรียนเรื่องความไม่เป็นระเบียบ ความไม่สะอาดและสุขอนามัย รวมไปถึงความมั่นคงของประเทศ ซึ่งกทม.มีหน้าที่ดูแลสวัสดิภาพของประชาชนให้เกิดความสุข โดยที่ผ่านมา กทม.ได้ทำความเข้าใจชี้แจงผู้ค้าคลองถมมาแล้ว ซึ่งในวันนี้เป็นการนำข้อเสนอมาให้ตามที่ผู้ค้าได้ร้องขอไว้ 
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า ในพื้นที่กทม.มีจุดค้าขายมากกว่า 1 หมื่นจุด โดยมีจุดผ่อนผันกว่า 700 จุด ซึ่งกทม.ได้ดำเนินการจัดระเบียบผู้ค้าที่มีการร้องเรียนเข้ามาเพียง 20 กว่าจุดเท่านั้น ทั้งนี้ ย่านคลองถมเป็นแหล่งที่ที่ได้รับการร้องเรียนเข้ามามากที่สุด ทั้งเรื่องกีดขวางการจราจรบนถนน กีดขวางทางเดินเท้า ปัญหาขยะ อีกทั้งยังมีปัญหาเรื่องความมั่นคง สินค้าเถื่อนผิดกฎหมาย จึงเป็นที่มาของการจัดระเบียบ เพราะการค้าขายจะต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับส่วนรวม ซึ่งจากการประชุมชี้แจงนโยบายกับผู้ค้า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2557 ทางกทม.ได้ยืดระยะเวลาให้ผู้ค้าทำการค้าขายได้จนถึงสิ้นเดือน ก.พ.2558 แต่ผู้ค้าได้ยื่นข้อเสนอให้กทม.จัดหาสถานที่เพื่อรองรับผู้ค้าทั้ง 3 พันราย มีพื้นที่สำหรับจอดรถกับผู้ค้าผู้ซื้อ และจะต้องเป็นเส้นทางที่มีรถระบบขนส่งมวลชนวิ่งผ่านได้สะดวก
พล.ต.ต.วิชัย กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในวันนี้กทม.ได้จัดเตรียมพื้นที่ไว้มี 11 แห่ง ได้แก่ 1.ตลาดธนบุรี(สนามหลวง2) เขตทวีวัฒนา รองรับผู้ค้าได้จำนวน 324 แผง 2.ตลาดมิทไนท์ เขตบางพลัด รองรับผู้ค้าได้จำนวน 200 แผง 3.ตลาดน้ำมหานคร เขตลาดกระบัง รองรับผู้ค้าได้จำนวน 1,300 แผง 4.ตลาดสายใต้ใหม่ เซ็นเตอร์ เขตตลิ่งชัน รองรับผู้ค้าได้จำนวน 3,000 แผง 5.ตลาดงามวงศ์วาน นนทบุรี จำนวน รองรับผู้ค้าได้จำนวน 3,000 แผง 6.ศูนย์การค้าโซโห เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย รองรับผู้ค้าได้จำนวน 300 แผง 7.ศูนย์การค้า คลองถม คอร์เนอร์ เขตสัมพันธวงศ์ รองรับผู้ค้าได้จำนวน 120 แผง 8.ตลาดท่าดินแดง รองรับผู้ค้าได้จำนวน 1,000 แผง 9.ตลาดสำเพ็ง2 ถนนกัลปพฤกษ์ รองรับผู้ค้าได้จำนวน 1,000 แผง 10.ตลาดหลังพาต้า ปิ่นเกล้า รองรับผู้ค้าได้จำนวน 2,000 แผง 11.ตลาดนัดสายใต้เก่า ปิ่นเกล้า รองรับผู้ค้าได้จำนวน 2,000 แผง ยอดรวมสถานที่รองรับ จำนวน 12,444 แผง 
"กลุ่มผู้ค้าสามารถเลือกสถานที่ใดก็ได้ ซึ่งในเบื้องต้น กทม.ได้ประสานเรื่องการงดเว้น หรือลดค่าเช่าเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ค้า นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งค้าขายที่มีการคมนาคมหลากหลาย อย่างไรก็ตามถือว่ากทม.ได้ทำตามข้อสัญญาที่ผู้ค้าร้องขอแล้ว หลังจากนี้กลุ่มผู้ค้าจะต้องตัดสินใจเลือกสถานที่แห่งใหม่เพื่อค้าขายต่อ โดยสามารถย้ายไปในสถานที่แห่งใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องแจ้งกทม." พล.ต.ต.วิชัย กล่าว
ด้านพล.ต.ต.อดุลย์ กล่าวว่า ตามนโยบายการจัดระเบียบผู้ค้าคลองถม กำหนดห้ามค้าขายในวันที่ 28 ก.พ.2558 ซึ่งในวันที่ 1 มี.ค.2558 เจ้าหน้าที่จะเข้าเคลียร์พื้นที่บริเวณโดยรอบโรงพยาบาลกลางเพื่อจัดระเบียบทางเท้าและจราจร ซึ่งจะไม่มีการค้าขายใดๆในพื้นที่อีกต่อไป และหากมีผู้ใดฝ่าฝืนวางของขายกีดขวางบนถนน ก็จะดำเนินการจับกุมอย่างเคร่งครัด ตามระเบียบพ.ร.บ.จราจรทางบก ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท และ พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อย ของบ้านเมือง ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท


 ศาลไม่รับคดีพระสุเทพฟ้องหมิ่นธาริต-สื่อแถลงข่าวเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แหล่ง ชี้มีอำนาจสอบสวน-ให้ข่าวในฐานะอธิบดี 
ที่ห้องพิจารณา 701  ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก  นัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำ อ.1940/2556  ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ พระสุเทพ ปภากโร อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายวรศักดิ์ ประยูรศุข บรรณาธิการ , บริษัท ข่าวสด จำกัด และ นายสุริวงศ์ เอื้อปฏิภาน บรรณาธิการ เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. - 5 มี.ค.56   นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กล่าวหาโจทก์ ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงสัญญาโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 โรงพัก จากประมูลรายภาครวมเป็นรายเดียว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่า  ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าตามที่คณะรัฐมนตรี ( ครม.) ได้มีมติในการอนุมัติหลักการโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.52  โดยให้เป็นการประมูลแบบรายภาคเพื่อความรวดเร็วในการก่อสร้างแต่โจทก์ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกสัญญาการประมูลแบบรายภาค  และเปลี่ยนแปลงรวมสัญญาเป็นรายเดียว การกระทำของโจทก์มีมูลเหตุทำให้จำเลยที่ 1 เชื่อได้ว่า โจทก์ไม่ทำตามมติคณะรัฐมนตรี ขณะที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ได้ทำการตรวจสอบโจทก์ตามที่มีการร้องเรียนต่อดีเอสไอ ซึ่งมีอำนาจในการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ  และต่อมาจำเลยได้สืบสวนพบว่าโจทก์กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือฮั้วประมูลจึงแจ้งข้อกล่าวหาแก่โจทก์ว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย จากนั้นจำเลยได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำการไต่สวนวินิจฉัยเพื่อชี้มูลความผิดดำเนินคดีแก่โจทก์  โดยป.ป.ช. ก็ได้รับสำนวนไว้วินิจฉัยและกำลังอยุ่ระหว่างการพิจารณา

ศาลเห็นว่าจำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์มาก่อนและไม่มีเหตุจะต้องกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหายโดยจำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ตามที่ได้มีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมายังดีเอสไอ  อีกทั้งโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ซึ่งจำเลยให้ข่าว จึงย่อมเป็นหน้าที่ของอธิบดีฯ และมีอำนาจแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าวได้เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ  

ส่วนที่โจทก์อ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือโจทก์  เนื่องจากใกล้ช่วงการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครนั้นเห็นว่า เป็นการกล่าวอ้างลอยๆไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุน และคดีอาญาที่โจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.495/2556  ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีเมื่อวันที่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ.56 ซึ่งนายธาริต จำเลยแถลงข่าวกล่าวหาโจทก์ว่า เป็นผู้มีคำสั่งไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่ง ตามที่เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อ จัดจ้าง เพียงรายเดียว ทำให้บริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล จนเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้  ซึ่งศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องในคดีดังกล่าวไว้แล้วนั้น  เห็นว่าคดีดังกล่าวมีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันกับคดีนี้  ซึ่งจำเลยเป็นผู้ให้ข่าวยันยันว่าโจทก์เป็นผู้สั่งการไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามมติ ครม. แต่การที่จำเลยที่1 แถลงข่าวคดีนี้ ยังรับฟังไม่ได้ว่าเป็นการใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย จึงไม่เป็นการใส่ความโจทก์ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นไปตามอำนาจหน้าที่ จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามที่โจทก์ฟ้อง  

เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามที่โจทก์ฟ้องแล้ว จำเลยที่ 2-5 ซึ่งได้ตีพิมพ์คำสัมภาษณ์ของจำเลยที่1 เผยแพร่ข่าวทางหนังสือพิมพ์มติชนและข่าวสดก็ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยโฆษณาด้วยเช่นกัน คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องในชั้นนี้

ภายหลัง นายสวัสดิ์ เจริญผล  ทนายความของพระสุเทพ กล่าวว่า จากนี้จะเตรียมการยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป ส่วนจะอุทธรณ์ในประเด็นอะไรบ้างนั้น  ขอปรึกษากับพระสุเทพก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ทั้งโจทก์และจำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงทนายความและผู้รับมอบอำนาจมาฟังคำสั่งแทน

logoline