svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

ศาลอาญาไม่รับ พระสุเทพ ฟ้องหมิ่น "ธาริต-สื่อ"

27 มกราคม 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลไม่รับคดีพระสุเทพฟ้องหมิ่นธาริต-สื่อแถลงข่าวเปลี่ยนแปลงสัญญาก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แหล่ง ชี้มีอำนาจสอบสวน-ให้ข่าวในฐานะอธิบดี

ที่ห้องพิจารณา 701 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นัดฟังคำสั่งคดีหมายเลขดำ อ.1940/2556 ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือ พระสุเทพ ปภากโร อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) , บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน), นายวรศักดิ์ ประยูรศุข บรรณาธิการ , บริษัท ข่าวสด จำกัด และ นายสุริวงศ์ เอื้อปฏิภาน บรรณาธิการ เป็นจำเลยที่ 1 - 5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 จากกรณีเมื่อวันที่ 27 ก.พ. - 5 มี.ค.56 นายธาริต จำเลยที่ 1 ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กล่าวหาโจทก์ ขณะดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเปลี่ยนแปลงสัญญาโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 โรงพัก จากประมูลรายภาครวมเป็นรายเดียว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์แล้ว เห็นว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าตามที่คณะรัฐมนตรี ( ครม.) ได้มีมติในการอนุมัติหลักการโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทนจำนวน 396 แห่งทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 17 ก.พ.52 โดยให้เป็นการประมูลแบบรายภาคเพื่อความรวดเร็วในการก่อสร้างแต่โจทก์ในฐานะรองนายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกสัญญาการประมูลแบบรายภาค และเปลี่ยนแปลงรวมสัญญาเป็นรายเดียว การกระทำของโจทก์มีมูลเหตุทำให้จำเลยที่ 1 เชื่อได้ว่า โจทก์ไม่ทำตามมติคณะรัฐมนตรี ขณะที่จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานในฐานะอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ได้ทำการตรวจสอบโจทก์ตามที่มีการร้องเรียนต่อดีเอสไอ ซึ่งมีอำนาจในการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามพ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ และต่อมาจำเลยได้สืบสวนพบว่าโจทก์กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 หรือฮั้วประมูลจึงแจ้งข้อกล่าวหาแก่โจทก์ว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย จากนั้นจำเลยได้ส่งสำนวนการสอบสวนให้กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทำการไต่สวนวินิจฉัยเพื่อชี้มูลความผิดดำเนินคดีแก่โจทก์ โดยป.ป.ช. ก็ได้รับสำนวนไว้วินิจฉัยและกำลังอยุ่ระหว่างการพิจารณา

ศาลเห็นว่าจำเลยไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับโจทก์มาก่อนและไม่มีเหตุจะต้องกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหายโดยจำเลยเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ตามที่ได้มีการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมายังดีเอสไอ อีกทั้งโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่งทั่วประเทศ ก็เป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ซึ่งจำเลยให้ข่าว จึงย่อมเป็นหน้าที่ของอธิบดีฯ และมีอำนาจแถลงข่าวแก่สื่อมวลชนในเรื่องดังกล่าวได้เนื่องจากเป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ

ส่วนที่โจทก์อ้างว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือโจทก์ เนื่องจากใกล้ช่วงการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานครนั้นเห็นว่า เป็นการกล่าวอ้างลอยๆไม่มีพยานหลักฐานมาสนับสนุน และคดีอาญาที่โจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยคดีหมายเลขดำที่ อ.495/2556 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 กรณีเมื่อวันที่ 21 ม.ค. - 4 ก.พ.56 ซึ่งนายธาริต จำเลยแถลงข่าวกล่าวหาโจทก์ว่า เป็นผู้มีคำสั่งไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำสัญญาจัดซื้อจัดจ้างก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่ง ตามที่เสนอ แต่กลับให้รวมสัญญาการจัดซื้อ จัดจ้าง เพียงรายเดียว ทำให้บริษัท พีซีซี ดิเวลล็อปเม้นท์ แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูล จนเกิดปัญหาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องในคดีดังกล่าวไว้แล้วนั้น เห็นว่าคดีดังกล่าวมีข้อเท็จจริงที่แตกต่างกันกับคดีนี้ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ให้ข่าวยันยันว่าโจทก์เป็นผู้สั่งการไม่ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการตามมติ ครม. แต่การที่จำเลยที่1 แถลงข่าวคดีนี้ ยังรับฟังไม่ได้ว่าเป็นการใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย จึงไม่เป็นการใส่ความโจทก์ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง แต่เป็นการแสดงความคิดเห็นไปตามอำนาจหน้าที่ จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทตามที่โจทก์ฟ้อง

เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามที่โจทก์ฟ้องแล้ว จำเลยที่ 2-5 ซึ่งได้ตีพิมพ์คำสัมภาษณ์ของจำเลยที่1 เผยแพร่ข่าวทางหนังสือพิมพ์มติชนและข่าวสดก็ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยโฆษณาด้วยเช่นกัน คดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้องในชั้นนี้

ภายหลัง นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความของพระสุเทพ กล่าวว่า จากนี้จะเตรียมการยื่นอุทธรณ์คดีต่อไป ส่วนจะอุทธรณ์ในประเด็นอะไรบ้างนั้น ขอปรึกษากับพระสุเทพก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ทั้งโจทก์และจำเลยไม่ได้เดินทางมาศาล มีเพียงทนายความและผู้รับมอบอำนาจมาฟังคำสั่งแทน

logoline