
วันนี้ (21 ม.ค.) พนักงานสอบสวน สภ.หัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช นำชาวโรฮิงญา ที่ตกอยู่ในฐานะผู้เสียหายหรือเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์เข้านำชี้รถยนต์ที่เป็นพาหนะเดินทางในขณะที่ถูกจับกุม และสอบปากคำเพิ่มเติมในสำนวนหลังจากที่ ศาลจังหวัดปากพนังได้อนุมัติหมายจับกุมผู้ต้องหาขบวนการค้ามนุษย์เพิ่มอีก 3 ราย
ซึ่งเป็นผู้ขับขี่ที่หลบหนีรอดไปในขณะจับกุมเมื่อ 10 วันก่อน คือนายสวัสดิ์ ผดุงชาติ ชาวจังหวัดระนอง นายวราชัย ชฎาทอง ชาวจังหวัดชุมพร และนายสุริยา ยอดรัก ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในข้อหานำพาชาวต่างด้าวและร่วมกันค้ามนุษย์ โดยมีอายุความในการติดตามจับกุม 15 ปี และขณะนี้เจ้าหน้าที่สืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 อยู่ในระหว่างการติดตามจับกุม
วันเดียวกันนายเซิร์จ เบอร์โทมิโอ เจ้าหน้าที่ภาคสนาม ฝ่ายคุ้มครอง ยูเอ็นเอชซีอาร์ประจำประเทศไทย(สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ) พร้อมด้วยคณะได้ลงพื้นที่เข้าเยี่ยมเยียนชาวโรฮิงญาจำนวน 99 คนที่ยังคงพักพิงอยู่ที่ศูนย์ช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรมอำเภอหัวไทร พร้อมนำเครื่องอุปโภคเบื้องต้นเข้าให้การช่วยเหลือพร้อมทั้งของเล่นและอุปกรณ์การศึกษาด้วยตัวเองสำหรับเด็กเข้าแจกจ่าย
ภายหลังได้ยืนยันว่า ยูเอ็นเอชซีอาร์ประจำประเทศไทย(สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ) ได้เข้าประสานเพื่อให้การช่วยเหลือชาวโรฮิงญา เหล่านี้อย่างเต็มที่กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและยืนยันว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงหรือก้าวก่ายในการดำเนินการตามกฎหมายของประเทศไทย ขณะเดียวกันได้ประสานงานกับส่วนเกี่ยวข้องเพื่อหาช่องทางในการส่งต่อชาวโรฮิงญาที่ต้องการอพยพไปยังประเทศที่ 3
ในขณะนี้คือสหรัฐอเมริกาที่ให้การยอมรับ และมีชาวโรฮิงญาส่วนหนึ่งได้อพยพไปอาศัยที่นั่นแล้ว ส่วนกรณีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ตามความผิดในกฎบัตรสหประชาชาติ ในพื้นที่พำนักดั้งเดิมของพวกเขา ยูเอ็น ได้ให้ความสำคัญเข้าประสานกับทุกส่วน โดยเฉพาะกับรัฐบาลผู้ปกครองพื้นที่ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างนุ่มนวลโดยไม่ต้องการเข้าไปปะทะกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเนื่องจากไม่มีประโยชน์ใดๆเกิดขึ้น